ปตท.สผ. กำไรพุ่ง ไตรมาส 2 โกย 21,040 ล้าน
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) รายงานผลดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 21,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 2,074 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 71,477 ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนม
โดยปัจจัยหลักมาจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงจากขาดทุนในไตรมาส 2 ปี 65 เป็นกำไรในไตรมาส 2 ปี 66
ทั้งนี้มี EBITDA เท่ากับ 1,505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 311 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้รวม 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในไตรมาส 2 ปี 66 อยู่ที่ 465,459 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลง 4% โดยหลักมาจากโครงการบงกชสิ้นสุดสัมปทานเมื่อเดือน มี.ค. 66 และโครงการโอมาน แปลง 61 มีสัดส่วนการขายก๊าซธรรมชาติในปริมาณลดลง รวมถึงราคาขายเฉลี่ยลดลง 18% อยู่ที่ 45.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
PTTEP คาดการณ์แนวโน้ม ปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปี 66 และทั้งปี 66 อยู่ที่ปะมาณ 470,000 และ 464,000 บาร์เรลเทียบเท่ากับน้ำมันดิบต่อวันตามลำดับ ลดลงจากปี 65 สาเหตุหลักจากปริมาณการขายของโครงการในต่างประเทศลดลง
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 66 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 24,336 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 886,110 ล้านบาท มีเงินสดคงเหลือ 3,065 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 109,068 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 10,259 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 365,117 ล้านบาท
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัท งวด 6 เดือนแรกของปี 66 ในอัตราหุ้นละ 4.25 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 16 ส.ค. 66 (ขึ้นเครื่องหมาย XD 15 ส.ค.) และจ่ายเงินปันผลวันที่ 29 ส.ค. 66
ล่าสุดหุ้น PTTEP ณ วันที่ 31 ก.ค. 66 ปิดตลาดอยู่ที่ 159.5 บาทต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้นมาราว 13.9% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ( มิ.ย.-ก.ค.66)
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า PTTEP กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 66 เท่ากับ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามคาดรับผลบวกจากรายการพิเศษหลักที่พลิกกลับเป็นกำไร HEDGING จากขาดทุนฯ แต่หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติพบว่าลดลงเล็กน้อย 1.4% จากไตรมาสก่อนหน้า จากราคาและปริมาณขายที่ลดลง และต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ได้ในส่วนของอัตราภาษีที่แท้จริง (EFFECTIVE TAX RATE) ที่ลดลงมีนัยฯมาช่วยพยุงไว้
โดยฝ่ายวิจัยได้ทำการปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปกติตั้งแต่ปี 66 ขึ้นจากเดิม โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 66 และ 67 เพิ่มขึ้น 42.0% และ 41.7% ตามลำดับ อยู่ที่ 7.8 และ 6.4 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐานปริมาณขายในปี 66 ขึ้นตามที่บริษัทให้แนวทาง อยู่ที่ 4.64 แสนบาร์เรลต่อวัน
รวมถึงปรับลดสมมติฐานอัตราภาษีที่แท้จริงในปี 66 ลงเหลือ 41% จาก 45% เพื่อสะท้อนโครงการบงกช G2 ที่เปลี่ยนจากสัมปทานเป็น PSC ทำให้อัตราภาษีลดลงเหลือ 20% จาก 50% เป็นหลัก
ขณะที่ยังคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบในปี 2566 ไว้ที่ 90 เหรียญฯต่อบาร์เรล และคงราคาขายก๊าซธรรมชาติของ PTTEP ที่กำหนดสมมติฐานในปี 2566 ไว้ที่ 6.0 เหรียญฯต่อล้านบีทียู ลดลงจากปี 65 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 6.3 เหรียญฯต่อล้านบีทียู
สำหรับแนวโน้มกำไรปกติในงวดไตรมาส 3 ปี 66 ลุ้นประคองตัวใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 2 ปี 66 ได้ หากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยตลอดทั้งไตรมาส 3 อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ราว 80-85 เหรียญฯต่อบาร์เรล รวมไตรมาส 3 มีปัจจัยบวกจากปริมาณขายที่ ล่าสุดทางบริษัทให้มุมมองว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 4.7 แสนบาร์เรลต่อวัน