พิธา ย้ำสิ่งสำคัญตอนนี้คือ สัจจะ ไม่ใช่เสียสละ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ก้าวไกล จ.จันทบุรี ทั้ง 3 เขต เดินทางพบปะมวลชนด้อมส้มในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยใช้พื้นที่ของ ร้านสัมพันธ์การค้า บ้านเขาหอม ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยบรรยากาศได้มีบรรดามวลชนด้อมส้มกว่า 5-600 คน เดินทางมารอต้อนรับและให้กำลังใจ นายพิธาและ ส.ส.ก้าวไกลกันอย่างคึกคัก
ระหว่างขึ้นปราศรัย นายพิธากล่าวถึงจุดมุ่งหมายการเดินทางมาในครั้งนี้ว่า ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ยุติบทบาทหน้าที่ ส.ส. แต่ตนเองและ ส.ส.ก้าวไกล ยังคงเดินหน้าสานต่อการทำงานตามเป้าประสงค์ของ นโยบายพรรคก้าวไกล ซึ่งในส่วนของ จ.จันทบุรี โดยเฉพาะพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน ซึ่งเป็นพื้นที่ของ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.ก้าวไกล เขต 3 จะเร่งเดินหน้าสร้างโครงการประปาสาธารณูปโภคให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน ตลอดจนเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้งและช้างป่า ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้สมกับความต้องใจของกว่า 4 แสน คะแนนเสียงของชาวจันทบุรีที่มีให้กับก้าวไกล
ในส่วนเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า มีความพยายามให้พรรคก้าวไกลเสียสละจากการเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายพิธากล่าวว่า คิดว่าตอนนี้คุณค่าที่สำคัญ ก็คือที่ สัจจะ ไม่ใช่เสียสละ คือสัจจะที่ได้เคยให้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ตามที่เขาคาดหวัง ถ้าเรารักษาสัจจะที่ให้กับประชาชนไว้ ก็ไม่มีใครต้องเสียสละเพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่มันมีอยู่ตามครรลองการเมืองปกติ ขณะเดียวกัน ถ้าบอกว่าให้เสียสละ เหมือนเอาคะแนน 14 ล้านเสียงไปเทกระจาด และทำให้ประชาชนผิดหวัง ถึงตอนนั้นต้องยึดสัจจะให้มั่นและยึดหลักการให้มั่น มากกว่าการที่มองว่าใครควรจะเสียสละหรือไม่เสียสละ แต่เอาหลักการปกติที่ควรจะเป็นเป็นตัวตั้ง
เมื่อถามการพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพิธากล่าวว่า ต้องรอพรรคเพื่อไทยกลับมาพูดคุย เท่าที่ฟังก็คือเป็นการเชิญแต่ละพรรค ที่มีความคิดเห็นของแต่ละพรรค ต้องรอพรรคเพื่อไทยเองเป็นคนกลับมาชี้แจง ตอนนี้รอพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว คงไม่ได้ตัดสินใจจากหน้าข่าว
นายพิธากล่าวด้วยว่า หลังจากที่ส่งไม้ต่อให้ทางพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยังยืนยันเชื่อใจการทำงานของพรรคเพื่อไทยและอีก 8 พรรคร่วม โดยหากยังรวมกันเหนียวแน่น และยืนยันในหลักการ เชื่อว่าจะสามารถดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้มากขึ้น ไม่ได้มองว่าถูกบีบ หรือถูกดัน แต่ให้เราใช้หลักการและเหตุผลค่อยๆ ดึงให้เข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลตามที่ควรจะเป็น จึงยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทย ที่จะใช้ทุกวิถีทางในการยึดสัจจะที่เคยให้ไว้กับประชาชนและพรรคก้าวไกล ทำให้การตั้งรัฐบาลเดินหน้าได้
ในส่วนเรื่องที่อีกหลายพรรคการเมืองมีความต้องการให้พรรคก้าวไกลลดเพดาน หรือถอยการแก้กฎหมายหรือเรื่องอื่นๆ นั้น อยู่ที่รายละเอียด ซึ่งต้องให้เกียรติเพื่อไทยที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ว่าที่ไปพูดคุยมา ผู้ที่จะเข้ามาร่วม มีความต้องการอะไรบ้าง ตรงตามที่วุฒิสภาเคยอภิปรายหรือไม่ เพื่อลงลึกถึงรายละเอียด ในการที่ก้าวไกลจะได้ตัดสินใจ แต่ตอนนี้มีแต่เสียงจากคนรอบข้าง ทำให้การตัดสินใจยังไม่นิ่ง จึงต้องรอทางพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว
ส่วนเรื่องที่มองว่า พรรคก้าวไกลถูกบีบหรือไม่ จากการที่ 3 พรรคการเมืองที่เข้ามาคุยกับพรรคเพื่อไทย มีเจตนาทำนองว่า หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ จะเป็นอุปสรรคในการตั้งรัฐบาลนั้น ตนเองไม่รู้สึกอะไร ก็อย่างที่เคยพูดๆ ไว้ หาก 8 พรรคร่วมจับมือกันไว้ก็ไม่มีใครมาบีบพรรคก้าวไกลได้ และยังจะสามารถดึงพรรคอื่นเข้ามาร่วมตั้งรัฐบาลได้อีกด้วย และจากการที่มีกระแสว่า พรรคเพื่อไทยได้เชิญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กับพรรคพลังประชารัฐจ่อเข้ามาคุยถือว่าตรงตามมติของพรรคร่วมหรือไม่ นายพิธาเผยว่า ต้องรอทางพรรคเพื่อไทยกลับมาพูดคุยกับอีก 8 พรรคอย่างเป็นทางการ จึงไม่กล้าให้สัมภาษณ์ข้อมูลที่ลงลึกไปกว่านี้ จน ณ ขณะนี้ จึงยังมีความเชื่อใจพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แม้ในเรื่องของการพูดคุยกับอีก 2 พรรคทหาร ที่ดูเหมือนจะเป็นการผลักพรรคก้าวไกลออกจากการร่วมรัฐบาล
จนขณะนี้ ยังแค่เป็นการพูดคุย แต่ถ้าเป็นการเชื้อเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาลจริง พรรคก้าวไกลคงอยู่ด้วยไม่ได้ในสมการนี้ หรือถ้าอยู่ด้วย ก็ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล แต่ ณ ขณะนี้ถ้าจะพูดให้ชัดคิดว่าอยู่แค่ขั้นตอนเชิญให้มาพูดคุย ไม่ใช่การเชิญมาร่วมรัฐบาล จึงต้องรอฟังความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย