ส.ว.สมชาย ยินดี เพื่อไทย ได้ตั้ง รบ.ใหม่ ยื่น 11 ข้อเสนอ
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ภายหลังจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ได้แถลงข่าวประเด็นการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยขอบคุณพรรคก้าวไกล ส่งมอบภารกิจตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้แถลง 4 ข้อ พร้อมหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่ม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นได้ขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา และพรรคอื่นๆ
ล่าสุด นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ได้ออกมาโพสต์แถลงการณ์ 4 ข้อของพรรคเพื่อไทย พร้อมว่า
ยินดีกับการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการเดินตามครรลองประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงขอเสนอผ่านไปยังพรรคเพื่อไทยแกนนำใหม่ ควรแถลงประเด็นของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการให้ชัดเจนอย่างน้อย ดังนี้
1)ตัวบุคคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
2)พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ที่ต้องมีนโยบายร่วมสำคัญในการเดินหน้าประเทศให้เจริญก้าวหน้า มีความสงบสันติสุข และไม่มีนโยบายใดๆจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือกลุ่มการเมือง กลุ่มอื่นๆที่พรรคการเมืองสนับสนุนในการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา112 และมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้อง หรือดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กระทบต่อสถาบันหลัก คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งการกระทำโดยตรงของรัฐบาล รมต. ส.ส. และเครือข่ายทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะกระทำเองหรือการให้การสนับสนุนใดๆอีกต่อไป
3)ไม่นิรโทษกรรมคดีทุจริตและคดี 112 หรือคดีอาชญากรรมร้ายแรง
4)นโยบายด้านเศรษฐกิจนำพาสู่ประเทศพัฒนาแล้วที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม
5)นโยบายด้านการต่างประเทศที่ไม่กระทบความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค
6)นโยบายด้านการทหารและความมั่นคงปลอดภัยของประเทศในทุกมิติ
7)นโยบายด้านปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาสังคมเพื่อเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยจากสังคมสื่อโซเชี่ยลที่สร้างความเกลียดชังในปัจจุบัน
8)นโยบายด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม
9)นโยบายกระจายความเจริญลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างครอบคลุมทุกมิติ
10)นโยบายแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่สนับสนุนการทำประชามติแบ่งแยกดินแดนใดๆ
11)นโยบายแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่เป็นรูปธรรม
ถ้าพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ยังหาข้อสรุปร่วมให้ชัดเจนไม่ได้ ขอเสนอให้ทำเรื่องแจ้งต่อประธานรัฐสภา เพื่อเลื่อนการประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 ก.ค. ที่จะถึงนี้ออกไปก่อน เพื่อจะได้เกิดความรอบคอบรัดกุมให้ชัดเจนในการให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาร่วมกัน ทำหน้าที่โหวตให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้เสียทีครับ