กัน นภัทร เลิกคิดเรื่องแต่งงาน หลังเกิดความขัดแย้งกับ มารี เบิร์นเนอร์

กัน นภัทร เลิกคิดเรื่องแต่งงาน หลังเกิดความขัดแย้งกับ มารี เบิร์นเนอร์

เรียกได้ว่าเป็นคู่รักอีกหนึ่งคู่เลยจ้าที่กำลังอินเลิฟแบบมาแรงมากๆ สำหรับ หนุ่มกัน นภัทร และ สาวมารี เบิร์นเนอร์ จนใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ระวังจะคบกันได้ไม่นาน ก็ต้องเลิกกัน ซึ่งที่ผ่านมาหนุ่มกันก็ได้มีปัญหากับแฟนคลับมาแล้ว เพราะแฟนสาวของตน ล่าสุดหนุ่มกัน นภัทร ได้เปิดใจว่าครอบครัวไม่ห้ามเรื่อง มารี แต่แม่ไม่อยากให้รีบวิวาห์ รับจากตอนแรกที่มุ่งมั่นว่าเป้าหมายความรักครั้งนี้ปลายทางคือการแต่งงาน แต่ตอนนี้ขออยู่กับปัจจุบันดีกว่า เคยอยากวิวาห์ช่วงโปรโมชั่น แต่หลังจากเจอความขัดแย้ง ก็เลยเลิก ลั่นไม่ถอดใจแม้มาจากคนละโลก ขอสู้ไปกับคนนี้ เพิ่งจะผ่านพ้นวันเกิดมาหมาดๆ งานนี้ กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ เผยได้จัดคอนเสิร์ตตอบแทนแฟนคลับ พร้อมนำเงินไปมอบให้เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่บ้านราชาวดีชาย ก่อนเปิดใจ มารี เบิร์นเนอร์ โผล่เซอร์ไพรส์เป็นคนแรก

เป็นวันเกิดที่ชื่นมื่นอีกปีครับ เพิ่งจัดไปเมื่อวานนี้กับแฟนคลับ เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ได้เจอแฟนคลับที่มาจากต่างจังหวัดไกลๆ บางคนมาจากต่างประเทศ ก็มาเจอกันปีล่ะครั้ง และนำเงินส่วนหนึ่งให้กับน้องๆ บ้านราชาวดีชาย และทำบุญกับคุณพ่อคุณแม่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายๆ จัดมินิคอนเสิร์ตกับแฟนคลับ ปีนี้มีน้องมารี มาเป็นแขกรับเชิญมาขึ้นคอนเสิร์ตด้วย

เราเลือกบ้านราชาวดีชาย เพราะเราถามกับแฟนคลับ คือมันมีหลายที่มา ซึ่งแต่ล่ะเราก็หาที่ทำบุญแตกต่างกันไป ให้เราได้ทำบุญช่วยเหลือส่วนต่างๆ ในปีนี้เรารู้สึกว่าเด็กที่เขามีความบกพร่องทางสติปัญญา เราอยากไปให้ความสุขกับเขา ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือเขา ผมเลยเลือกที่นี่ พอไปแล้วเรารู้สึกว่าทำไมเด็กๆ ที่นี่เขาถึงมีความสุขมากๆ เมื่อรู้ว่าเขามีพี่ๆ ที่คอยจัดกิจกรรมสร้างความสุขให้กับพวกเขา

ถาม : กลัวแก่ อีกหนึ่งปีจะอายุ 30 แล้ว ชีวิตที่ผ่านมาเหมือนผ่านสงครามโลก

ใช่ อีกปีเดียว มีความรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผมอายุจะ 30 แล้ว แต่ผมจะไม่ยอมแก่ จะทำตัวเป็นเด็กไปตลอด แต่ยังไงก็ต้อง 30 แต่รู้สึกว่าพออายุขึ้น 30 แล้วเหมือนคนแก่ เราไม่อยากแก่ แล้วมีแต่คนบอกว่าพอขึ้น 30 ปุ๊บ อายุมันจะไปเร็วมาก ผมกลัวแก่(หัวเราะ)

ที่ผ่านมามันให้เราเยอะมาก ชีวิตที่ผ่านมา เหมือนผ่านสงครามโลกมากๆ ล้อเล่น(หัวเราะ) มันมีประสบการณ์ที่ดี และไม่ดี และทำให้เราได้เรียนรู้ว่าแค่ล่ะวัน สิ่งที่เราผ่านมา มันก็ทำให้เรารู้ว่า ต่อไปเราจะทำชีวิตในแต่ล่ะวันของเราต่อไปดีขึ้นไปๆ เรื่อย แต่หน้าตาไปมากกว่าอายุอยู่แล้ว อันนี้มีคนบอก(หัวเราะ) แต่ประสบการณ์ผมมั่นใจว่าบางคนอายุเท่าผม แต่ประสบการณ์ยังมีไม่เท่าผม เพราะว่าเราทำงานในวงการ เจอคนเยอะมากๆ มีเรื่องต่างๆ ให้เราได้เจอ และแก้ปัญหาต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น 29 ปีนี้ มันเป็น 29 ปีที่ทำให้เราแข็งแกร่งมากๆ ผมเหมือนหินผา ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเข้ามา เราจะสามารถฝ่าฟันมันเป็นไปได้

ผมโชคดี ที่เจอสิ่งดีๆ มาตลอด ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น มีผู้ใหญ่ที่คอยซัปพอร์ตและให้โอกาสเรา หลายๆ คนที่ผมได้เจอเขา รวมถึงแฟนคลับที่น่ารักทุกๆ คน 9 ปีที่เราอยู่ตรงนี้ เหมือนเขาเป็นเหมือนเกราะกำบังให้เรา ไม่ว่าเราจะเจออะไรก็ตาม เขาก็จะคอยให้กำลังใจเรา บางทีผมผิด เขาก็จะทำเป็นถูก (หัวเราะ) ทุกคนจะให้กำลังใจเราเสมอ เรามีข่าวไม่ดีออกไป เขาก็จะบอกสู้ๆ นะ อันนี้คือสิ่งสำคัญมากๆ และสิ่งต่างๆ ที่มันเป็นบทเรียนให้กับเรา และแก้ไขให้มันดีขึ้น

ถาม : วางแผนอนาคต หากความนิยมลดลงตามอายุ

ทุกวันนี้เราทำงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่วันหนึ่งความนิยม มันก็ลดลงตามอายุอยู่แล้ว คงต้องหาธุรกิจอะไรทำ เผื่อวันหนึ่งเราจะได้พักจากตรงนี้ แล้วไปดูแลธุรกิจเรา มีเงินกำไร จากธุรกิจเราเดือนละแสนสองแสนไว้ประทังชีวิตเราอยู่ได้ ผมคิดอย่างนี้จริงๆ ผมคิดว่าผมจะเก็บตังค์ก้อนใหญ่ๆ เอาเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟบ้านเราที่สุพรรณ แล้วก็นอนสบายๆ อยู่บ้าน กินวันล่ะไม่กี่บาท (หัวเราะ)

ถาม : หากจับธุรกิจ ต้องปรึกษาหวานใจ เพราะหัวไวมาก มั่นใจไม่ตีกัน

ถ้าจะทำธุรกิจต้องปรึกษามารี เพราะเขาเป็นคนที่หัวไวมาก เจออะไรก็มองเป็นธุรกิจไปหมด ตอนนี้คิดจะทำเสื้อคู่ เพราะตอนนี้มานิดหน่อย เราก็กลัวจะไปเร็ว ต้องรีบทำก่อน (หัวเราะ) อันนี้หมายถึงกระแส(หัวเราะ)

ถามว่ากลัวตีกันไหม น่าจะไม่ตีกันครับ เพราะเขาเป็นคนที่ยอมผมเสมอ (หัวเราะ) การทำธุรกิจด้วยกัน มันต้องสื่อสารกันให้ดี มันต้องถึงจุดหนึ่งที่เชื่อใจกันแล้ว ถึงจะทำธุรกิจด้วยกันได้ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้

ผมก็เชื่อใจเขา แต่ในเรื่องธุรกิจมันต้องใช้ความอะไรอีกนิดหนึ่ง อีกปีสองปีค่อยว่ากัน แต่ว่าที่แพลนไว้อยากจะเปิดขยายสาขาร้านเขา ซึ่งผมไม่อินอะไรกับการต่อขนตาอะไรขนาดนั้นไง แต่ว่าถ้าเกิดเปิดร้านอะไรที่มันคู่กับการต่อขนตาได้ ที่ให้ผู้ชายเข้ามาได้ อย่างตัดผม อันนี้คือเขาคิดนะ เขาฉลาดมากคือข้างล่างเป็นร้านตัดผม ข้างบนเป็นร้านต่อขนตา ผมก็เป็นหุ้นใหญ่ แต่ออกเงินน้อย (หัวเราะ) เก็บตังค์ให้เขา

ถาม : แฮปปี้ มารีให้สกู๊ตเตอร์เป็นของขวัญวันเกิด "เขาให้เป็นสกู๊ตเตอร์ ซึ่งเขาลงสตอรี่ไปแล้ว เป็นรถสกู๊ตเตอร์ ซึ่งเขารู้สึกว่าบ้านผมที่สุพรรณมีพื้นที่เป็นถนนยาวเข้าบ้าน น่าจะเล่นได้สนุก แล้วเป็นร้านที่เราเคยไปดูกันมา แล้วเขาใส่ใจ จำได้ว่าเราชอบเลยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด มีเซอร์ไพรส์ก่อนด้วยว่าเปิดกล่องเล็กก่อน กล่องเล็กเป็นหมวก แล้วให้ใบ้ว่ากล่องใหญ่คืออะไร ซึ่งเราก็รู้แล้วล่ะ

ถามว่าแฮปปี้ไหม จริงๆ เขาให้อะไร ผมก็ชอบหมดแหละครับ ส่วนที่เขาคิดนานว่าจะให้อะไร เพราะว่าผมชอบเยอะ หลังๆ ผมชอบกระบองเพชร จะเป็นความชอบที่หลากหลาย เขาก็จะตัดสินใจยากว่าจะซื้ออะไรให้ผมดี แล้วมีเขียนการ์ดด้วยว่าปีหน้าจะทำให้ดีกว่านี้นะ

ถาม : เผยนาทีบุกบ้านเซอร์ไพรส์วันเกิดเป็นคนแรก

ตอนนั้นไม่รู้เลย เพราะว่าผมคุยไลน์กับเขาว่าให้รีบนอนนะ เพราะว่าวันรุ่งขึ้นมีงานแต่เช้า ต้องไปทำบุญแต่เช้า เขาก็บอกว่าจะนอนเหมือนกัน เขาก็ถ่ายรูปกับแมวเขาส่งมาให้ดู เราก็โอเค แล้วก็โผล่มา (หัวเราะ) ขึ้นมาด้วยเสียงแรกเพี้ยนๆ มานี่คือรู้เลย แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู เสียงเพี้ยนมาแบบนี้รู้แหละ มารี เบิร์นเนอร์ (หัวเราะ) เขาร้องเพลงไม่เพี้ยนนะ แต่ร้องเพลงไม่เพราะ (หัวเราะ) ก็ต้องฝึกกับผม ก็ต้องฝึกให้เขาร้องเพราะให้ได้ในสักวันหนึ่ง

ก็ให้เขาขึ้นโชว์ในวันเกิด แต่ก็ยังไม่เพราะอยู่ดี (หัวเราะ) แต่ไม่เพี้ยนนะ ผมมั่นใจเลยว่าใครจะจ้างมารีไปร้องเพลงจ้างได้เลย ไม่เพี้ยน ไม่ผิดหวังแน่นอน

ถาม : พ่อแม่เชื่อใจ แต่ไม่อยากให้รีบแต่งงาน

เขาก็คงเชื่อใจเราแหละ เพราะเราก็อายุประมาณหนึ่งแล้วจะอายุ 30 ปีแล้ว ถามว่าแต่งเลยไหม ยังไม่รีบครับ แม่ยังไม่อยากให้รีบแต่ง แม่ไม่ได้ดูฤกษ์ให้ แต่ดูเลิก (หัวเราะ) ไม่ใช่ๆ แม่ชอบดูฤกษ์งามยามดี

ถามว่าคู่เราจะไปถึงขั้นนั้นไหม ตอนแรกคิด ตอนแรกที่ใหม่ๆ เลย ช่วงโปรโมชั่น ยอมรับว่าคิดครับ ช่วงที่ไม่ทะเลาะกัน คิดเลยว่าอีก 2 ปีไหม อะไรไหม พอหลังๆ พอเริ่มมีปัญหา เริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เป็นปกติของคนที่คบกัน มีเรื่องทะเลาะกันแน่นอน ก็แบบไม่คิดดีกว่า ให้ทุกวันมันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก่อน ให้มันได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ ผมว่าพอวันหนึ่งที่มันอยู่ตัวแล้ว วันหนึ่งที่ทะเลาะกันยังไงก็ไม่เลิกกันแล้ว ผมว่าค่อยคิดทีหลัง เวลาทะเลาะกันก็ไม่ได้มีเสียงแว่วว่าอยากเลิก มันมีแบบวืบๆ ขึ้นมา แต่ว่าสู้ดีกว่า เพราะว่าถ้าเกิดคิดว่าเป็นคนนี้ก็ต้องเป็นคนนี้ เพราะปัญหามันเกิดอยู่แล้ว

ถาม :อยากสู้ไปด้วยกันมากกว่าเลิก

ถามว่าโดนจับตามองตลอด กดดันไหม ก็กดดันประมาณหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าถ้าวันหนึ่ง เราคิดว่าเราจะเลิก มันก็ต้องเลิกถ้ามันไม่ใช่จริงๆ มันจะมานั่งว่าถ้าเลิกคนจะต้องมารุมด่าเราแน่นอน อันนั้นคือมันก็แค่วันหนึ่งที่ผ่านไป เอาชีวิตเราดีกว่าว่าเรามีความสุข แต่คือผมยังไม่ถึงจุดนั้น ผมรู้สึกว่าผมอยากสู้ อยากจะทำให้ดีที่สุดในทุกวัน ตอนนี้พอสู้มาแล้วมันคุ้มกับที่เราสู้มา เมื่อก่อนนี้เจออะไรที่หนักหน่วงมาก แต่ว่าถ้าเราไม่สู้มัน เรายอมแพ้ แล้ววันหนึ่งเราไปเจอคนอื่นก็ต้องสู้อยู่ดี สู้เราสู้ไปกับคนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ

เขามีข้อดีเยอะ ข้อดีเยอะมากๆ รับข้อเสียเราได้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของเขา เขาใส่ใจดูแลผม ทุกวันนี้เวลาผมไปงาน เขาก็จะคอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ว่าอันนี้โอเคไหม แต่งตัวแบบนี้ เขาก็จะคอยบอกว่าที่รักจะต้องใส่แบบเนี้ยบๆ ที่รักเป็นคนหน้าแบบนี้ใส่เยอะไม่ได้ เขาจะใส่ใจแบบนี้เสมอ แล้วก็ให้เกียรติเรา ไปเจอเพื่อนๆ เรา ไปเจอพ่อแม่เราที่บ้านสุพรรณฯ คือผมจะเห่อบ้านมากช่วงนี้ และจะชอบกลับบ้านบ่อยๆ บางทีเขาคิดถึงก็จะตามไปด้วย

ถาม : ต่างฝ่ายต่างปรับตัว มาจากคนละโลก

เขาเองก็ปรับตัวเยอะ ผมเองก็ปรับเยอะเหมือนกัน อย่างที่เคยบอกไปว่าเรามาจากคนละโลก สังคมเขาสังคมเราต่างกันเลย ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าผมก็ไปเจอเพื่อนๆ เขาได้เยอะขึ้น บางคนก็รู้สึกแบบคุยกันถูกคอมากขึ้น ไม่คิดว่าเราจะคุยกับเขาได้รู้เรื่อง แต่ก็คุยรู้เรื่อง ก็ดี เราก็ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น

เราก็ปรับเพื่อเขาเรื่องการไปเจอสังคม เพราะผมเป็นคนไม่เข้าสังคม พอเราได้เปิดสังคมกับเขา ไปเจอเพื่อนเขามากขึ้น เราก็ได้สังคมมากขึ้น มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร กับการที่เราไปเที่ยวกลางคืนบ้าง แต่ว่าเราเป็นคนไม่ดื่ม เราก็ไปนั่งเฝ้าเขา ก็เป็นอีกอารมณ์ที่วันหนึ่งเราก็ต้องเจอ เมื่อเรามีครอบครัว ก็ต้องดูแลคนที่เรารักให้ได้

ถาม : จากตอนแรกที่มุ่งมั่นว่าเป้าหมายความรักครั้งนี้ปลายทางคือการแต่งงาน แต่ตอนนี้ขออยู่กับปัจจุบัน

ตอนนี้อยู่กับปัจจุบันครับ ตอนแรกอยู่กับอนาคตมาก ยิ่งคาดหวังมาก พอวันหนึ่งมันไม่ใช่ มันจะเจ็บมาก เพราะฉะนั้นอยู่กับปัจจุบันดีกว่า

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ