สุวรรณภูมิ แจงคลิปแท็กซี่ ความจริงปรากฏทำผิดมาแล้ว 78 ครั้ง
กลายเป็นเรื่องราวที่เป็นประเด็นในโซเชียล เมื่อมีผู้เผยแพร่คลิปไปในโซเชียลมีเดียที่เป็นเหตุการณ์คุณลุงแท็กซี่คนหนึ่งกำลังยืนต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยความโมโหที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่กำลังแกล้งตน เนื่องจากตนมาจอดรถตรงที่นั้นก็เพื่อที่จะมายกของลงเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ห้ามจอด จนทำให้คลิปดังกล่าวถูกพูดถึงไปทั่วทั้งสื่อสังคมออนไลน์
ล่าสุด นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ชี้แจงกรณีคลิปเหตุการณ์ที่คนขับแท็กซี่รายหนึ่งได้กำลังมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่บริเวณชั้น4 อาคารสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ล็อกล้อรถ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดย นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด ได้พบว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างของคนขับแท็กซี่ดังกล่าวที่ได้ยินอยู่ในคลิปแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่าคนขับแท็กซี่คนนี้ ได้กระทำผิดในกรณีเดียวกันที่ทางเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศสุวรรณภูมิ ได้บันทึกเอาไว้ถึง 78 ครั้ง ถูกปรับในข้อหาเดียวกันมาโดยตลอด
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงพบว่า แท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับขึ้นมาบนชั้นชานชาลาชั้น 4 โดยที่ไม่มีผู้โดยสารนั่งมาแต่อย่างใด เป็นการวิ่งรถเปล่าขึ้นมา และค่อย ๆ ขยับรถมาตั้งแต่ประตู 2 และมาจอดที่ประตู 4 มองหาผู้โดยสารที่เป็นชาวต่างชาติอยู่พักใหญ่จนกระทั่งมีชาวต่างชาติ กำลังเดินมาจากประตู 4 คนขับแท็กซี่รายนี้จึงได้ลงจากรถมาเปิดกระโปรงท้ายเเละกวักมือเรียกชาวต่างชาติคนดังกล่าวให้ใช้บริการ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของท่าสุวรรณภูมิได้จับตามองมาโดยตลอด ก่อนที่จะเข้าดำเนินการ ทำให้คนขับแท็กซี่คันดังกล่าวส่งเสียงโวยวายใส่เจ้าหน้าที่
ตามระเบียบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นที่ชานชาลาชั้น 4 เป็นสถานที่อนุญาตให้เข้ามาส่งผู้โดยสารเท่านั้น หากจะรับผู้โดยสารออกจากสนามบินต้องลงไปต่อคิวที่ชั้นสอง ซึ่งจะมีการบันทึกประวัติของแท็กซี่แต่ละคันที่รับผู้โดยสารออกไปจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ หากเกิดเรื่องไม่ดีหรือลืมทรัพย์สินไว้ในแท็กซี่ ทางสุวรรณภูมิยังสามารถตรวจสอบได้ว่าแท็กซี่คันไหนคนขับชื่ออะไร
กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนขับแท็กซี่รายนี้กระทำความผิดฝ่าฝืนข้อกำหนด แต่เป็นครั้งที่ 78 แล้วที่ถูกส่งไปเปรียบเทียบปรับในข้อหาเดียวกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตนายกิตติพงษ์กล่าว
ที่มา โซเชียล ฮันเตอร์