เจ้าของบ้าน เผยถูกยึดบ้านผิดหลัง ธนาคารไม่กระตือรือร้น แจ้ง 3 ข้อหาหลัก

เจ้าของบ้าน เผยถูกยึดบ้านผิดหลัง ธนาคารไม่กระตือรือร้น แจ้ง 3 ข้อหาหลัก

วันที่ 4 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมเกียรติ สร้อยสน และนางกาญจนา สร้อยสน สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณรงค์แก้วเพชรประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลังพบว่าบ้านของตนกับภรรยาที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีถูกเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่งนำคนบุกเข้ามายึดบ้าน แต่เป็นการยึดผิดหลัง

โดยที่บ้านหลังที่ถูกยึด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใด ๆ ที่สำคัญทรัพย์สินภายในบ้านถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งจนเหี้ยน รูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เป็นของที่มีมูลค่าทางจิตใจ ก็ถูกนำไปทิ้งด้วย จึงนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาร้องเรียนให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือ

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี แต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมาได้มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่บ้านโล่ง ๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปไม่เหลือ และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก

ก่อนที่เพื่อนบ้านจะเห็นป้ายประกาศขาย จึงติดต่อทางธนาคารไปเพื่อจะขอซื้อ จึงทราบว่าในประกาศเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ทางเพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับตนเพื่อถามว่า จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวท และติดป้ายของธนาคาร ซึ่งตนตอบไปว่าไม่ได้ขายบ้านแต่เพื่อนบ้านก็ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้ามาทำการรื้อบ้านจริง พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมา

จึงรีบ เดินทางมาดู ก็พบว่าบ้านไม่เหลืออะไรเลย ข้าวของเครื่องใช้ ต้นไม้ถูกเก็บทิ้งทำลายหมด ประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจของธนาคาร จึงได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว

หลังจากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งเรื่องยึดบ้านผิดหลังที่ธนาคาร ทางธนาคารจึงให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาขอโทษ และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารจริง ๆ ที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง โดยทางธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงค่าเสียหาย ซึ่งตนกับสามีได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท

แต่ทางธนาคารปฎิเสธแต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว

จึงตัดสินใจมาปรึกษาทนายความ เพราะว่าหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ตนกับสามีต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเอง ว่าจะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร จึงมองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีอะไร และไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารเลย แต่กลับไม่มีความชัดเจน

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม บอกว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลัก ๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม นี้ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ