เอ๋ มิรา ฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร
หลายคนคงได้ติดตามข่าวกันบ้างแล้ว สำหรับ เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ที่ได้อาจารย์ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ได้ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอดตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที และเราได้เห็นพัฒนาการต่างๆของเอ๋ ไม่ว่าจะเป็นความสวย และล่าสุดเงินก้อนแรกจากการทำงาน ที่อาจารย์ประจักษ์ชัย มอบให้เอ๋ ทำเอาแฟนๆต่างก็เข้ามาชื่นชม อาจารย์ ประจักษ์ชัยเป็นจำนวนมาก ที่ให้โอกาสเอ๋ มิรา สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยตัวเอง
เงินก้อนแรก ตอบแทนผู้มีพระคุณ โดยเอ๋ มิรา โพสต์ว่า อย่าปล่อยคนที่เรารักรอคอยความสำเร็จนานเกินไป เพราะท่านอาจจะรอเราไม่ไหว ตาได้ของขวัญเยอะกว่ายายกว่าแม่ของขวัญวันพ่อย้อนหลัง รอยยิ้มของครอบครัวคือความสุขของฉัน
และเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเลย นางสาวมิรา ชลวิรัลวานิศร์ หรือเอ๋ และน้องสายแนน พร้อมด้วยนายนฤบดินทรา ศรีศิวารา ทนายความเดินทางมายังศาลเยาวชนฯ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยการร้องขอค่าเลี้ยงดูบุตร กับนายไพบูลย์ แสงเดือน อดีตสามี แต่วันนี้นายไพบูลย์ไม่มาศาล มอบหมายให้นายธีระพงษ์ ศรีจันทา ทนายความส่วนตัว มาไกล่เกลี่ยแทน โดยใช้เวลาในการไกล่เกลี่ยนานกว่า 1 ชั่วโมง ไม่สามารถหาข้อยุติได้
นายนฤบดินทรา ศรีศิวารา ทนายความ ของเอ๋ มิรา เปิดเผยว่า วันนี้ครูไพบูลย์ไม่ได้มาตามนัด โดยมอบหมายให้ทนายความมาแทน ส่วนผลการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งทางเราเจตนาที่ต้องการไกล่เกลี่ย อย่างน้อยก็แสดงความยืนยัน จะได้รู้ว่าสุดท้ายข้อสรุปเป็นอย่างไร โดยทางเราได้เรียกร้องค่าดูแลบุตรเดือนละ 20,000 บาท แต่ทางทนายความจำเลยไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย
ทั้งนี้ ทนายจำเลย อ้างต่อศาลว่า โจทก์มีพฤติกรรมใช้บุตรหาผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นค่าเลี้ยงดู ออกสื่อโซเชียล ไม่ยอมให้บุตรได้รับการศึกษา การที่จำเลยใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถให้โจทก์นำบุตรมาเรียน เพราะโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว เกรงว่าบุตรจะเรียนช้ากว่าคนอื่น และไม่คำนึงถึงบุตร แต่กลับต้องการเอาชนะจำเลย โดยใช้บุตรเป็นเครื่องมือต่อรอง หากต้องการให้บุตรได้รับการศึกษา จำเลยจะต้องไปเซ็นมอบอำนาจปกครองบุตรให้แก่โจทก์ และยังพาบุตรเที่ยวไปทุกที่ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ CV19 ที่กำลังแพร่กระจาย ในปัจจุบัน ให้บุตรนอนดึก ทิ้งให้บุตรอยู่กับมือถือตลอดเวลา ต่อว่าจำเลยต่อหน้าบุตร ต่อว่าจำเลยออกสื่อ โจทก์มีพฤติกรรมที่ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ไม่มีวุฒิภาวะ พูดไม่สุภาพ ไม่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่ ดังนั้นโจทก์จึงไม่สามารถปกครองให้บุตรมีความสุข และอบรมสั่งสอนบุตรได้ การที่โจทก์เอาความเท็จดังกล่าวมาฟ้อง ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจากการฟ้อง
ขณะที่นางสาวมิรา ชลวิรัลวานิศร์ หรือเอ๋ เปิดใจว่า เป็นห่วงความรู้สึกน้องสายแนนมาก ตอนที่เข้าไปในศาลลูกเข้าไปด้วย ลูกก็พูดว่าทำไมปะป๊าไม่มา ปะป๊าไปไหน ต้องตอบลูกไปว่าสงสัยปะป๊าติดงาน ซึ่งตนเองก็น้ำตาคลอ กรณีทนายฝ่ายจำเลยที่แย้งมาว่า เอาบุตรมาหาผลประโยชน์นั้น ไม่รู้ว่าเขาคิดได้อย่างไร ว่าเอาลูกมาหาผลประโยชน์ ส่วนที่ลูกออกสื่อเพราะลูกอยู่กับเราตลอดเวลา แล้วเราก็ต้องทำงาน
เรื่องการฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร จริงๆ แล้วก็ไม่อยากจะฟ้อง มีการคุยกันนอกรอบแล้ว อยากเลี้ยงลูกบ้าง ตอนนี้สามารถเลี้ยงดูลูกได้แล้ว ต้องขอบคุณ FC ทุกคน ที่ทำให้หนูมีวันนี้ สั่งซื้อครีมสินค้าที่ขายอยู่ ที่คิดว่าตัวเองลุกขึ้นสู้ได้ ทุกวันลูกได้นอนกอดเรา แต่ลูกเขาพูดว่า มีความสุขจังเลยที่ได้อยู่กับแม่ หนูก็เลยบอกว่าขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ไม่ได้จะเอาลูกมาเลี้ยงคนเดียว ซึ่งทางนั้นไม่ยอม เราเลยจะต้องมาฟ้อง ที่จริงแล้วไม่อยากจะฟ้อง ในฐานะที่เป็นแม่และอุ้มมา 9 เดือน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงลูก ระยะเวลาที่ผ่านมา แทบจะไม่มีกำลังที่จะเลี้ยงดูลูก
และทางด้านอาจารย์ ประจักษ์ชัย ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
เรียกได้ว่างานนี้ไม่มีหนทางที่จะจบได้ง่ายๆ อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้นะครับขอตกลงกันได้
ขอบคุณ เอ๋ มิรา อาจารย์ประจักษ์ชัย และไทยรัฐ
เรียบเรียง โดยทีมงานมุมข่าว