แรงงานพม่า ถูกนายหน้าลอยแพกลางป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 11 พ.ย. 2564 พันเอก จักรพงษ์ เทพพันธุ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ได้นำกำลังทหารพรานชุดเคลื่อนที่เร็วกองร้อยทหารพรานที่ 3505 เข้าลาดตระเวนในพื้นที่จุดล่อแหลมกลางป่าพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ที่บริเวณบ้านตือลือ หมู่ที่ 10 ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เพื่อป้องกันและกดดันการลักลอบลำเลียงสิ่งของผิดกฎหมายและตรวจสกัดกั้นการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล
จนเวลาต่อมา กำลังทหารพรานตรวจพบความผิดปกติในป่าเชิงภูเขาท้ายหมู่บ้าน โดยชุดทหารพรานส่วนหน้าสามารถตรวจการณ์พบกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายจำนวนหลายคน และคาดว่าอาจจะเป็นกลุ่มขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ชุดเคลื่อนที่เร็วทหารพรานจึงรีบนำกำลังเร่งเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบด้วยความระมัดระวัง พร้อมประสานขอกำลังฝ่ายปกครองอำเภอแม่ระมาด ตำรวจ สภ.แม่ระมาด และฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำกำลังมาเสริมเพื่อร่วมกันเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จำนวน 13 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 3 คน
ทั้งหมดเป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา ซึ่งเกือบจะทุกรายอยู่ในสภาพอิดโรยจากการเดินเท้าข้ามภูเขา ขาดน้ำและเสบียงอาหาร จนบางคนแทบไม่มีแรงจะเดินทางต่อ และบางรายต้องนอนหนาว โดยมีผ้าห่มผืนบางๆ ที่ติดตัวมาใช้ห่ม ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น
เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 35 ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม โดยการมอบอาหารและน้ำดื่มให้แรงงานทั้ง 13 คนได้รับประทาน ซึ่งทุกคนต่างดีใจจากการช่วยเหลือของทีมทหารพราน และยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวไปดำเนินคดี จึงได้ดำเนินการตรวจหา CV19 ซึ่งผลตรวจทุกคนเป็นลบ ก่อนนำตัวแรงงานทั้ง 13 รายเดินทางลงจากภูเขาเพื่อนำตัวไปสอบสวนขยายผล จากการสอบสวนหนึ่งในแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุม ให้การเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ว่า พวกตนทั้ง 13 คนที่ถูกจับกุมเป็นคนสัญชาติเมียนมา ได้ลักลอบข้ามชายแดนผ่านแม่น้ำเมย ข้ามมาฝั่งประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติไม่ทราบจุดที่แน่นอน และลักลอบข้ามชายแดนในช่วงเวลากลางคืน
จากนั้นได้มีนายหน้าไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน ซึ่งคาดว่าเป็นคนไทยได้ขับรถยนต์กระบะมารับ โดยมีการแอบซุกซ่อนตัวอยู่ด้านท้ายรถยนต์ และนายหน้าได้นำตัวแรงงานทั้ง 13 คน มาปล่อยไว้ที่ในป่าเชิงภูเขา พร้อมบอกว่าให้เดินเท้าต่อไปจนข้ามภูเขาลูกนี้แล้วจะมีรถยนต์มารับช่วงต่อ เพื่อพาไปส่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งพวกตนเองหลงเชื่อและได้จ่ายเงินเป็นค่านำพาให้นายหน้าเป็นเงินคนละ 20,000 บาท
จนเวลาผ่านไปนานนับวัน พวกตนเดินเท้าเท่าไรก็ยังไม่สามารถข้ามภูเขาได้ เนื่องจากหลงป่า จนเสบียงที่ติดตัวมาใกล้หมด และหมดหนทางที่จะเดินทางต่อไปแบบไร้จุดหมาย จนมาทราบภายหลังว่ากลุ่มของพวกตนเองถูกนายหน้าหลอกพามาลอยแพปล่อยในป่า จนมาถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานลาดตระเวนกดดันและตรวจพบ
ซึ่งครั้งนี้พวกตนดีใจมากที่ถูกจับ เพราะถ้าไม่ถูกตรวจจับก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไร เนื่องจากสภาพทุกคนอิดโรยเป็นอย่างมาก ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้งหมดส่งไปดำเนินการตามกฎหมายพร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหากลุ่มนายหน้ากลุ่มนี้อย่างเร่งด่วนแล้ว
ขอบคุณ ไทยรัฐ