หนุ่มส่งข้อความไปหาแม่

หนุ่มส่งข้อความไปหาแม่

เมื่อเวลา 21.18 น. วันที่ 17 ก.ย. 2564 ร.ต.อ.สงกรานต์ พรมสุรินทร์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร รับแจ้งเหตุชายบริเวณสะพานข้ามลำน้ำทวน สวนสาธารณะพญาแถน เขตเทศบาลเมืองยโสธร จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการค้นหา พร้อมทั้งประสานขอรถยนต์อุปกรณ์กู้ภัยจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยโสธร เข้าสนับสนุน ที่เกิดเหตุเป็นช่วงปลายสะพานฝั่งขาเข้าในเทศบาลเมืองยโสธร พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ สีเทา ทะเบียน 1กฎ 5279 ยโสธร จอดอยู่ในลักษณะย้อนศร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และประชาชนจำนวนมากกำลังมุงดูเหตุการณ์ในขณะที่นักประดาน้ำกำลังลงค้นหาชายที่กระโดดน้ำตามที่ได้รับแจ้ง

จากการตรวจสอบพบว่าคนที่นำรถ จยย.คันดังกล่าวมาจอดไว้ชื่อ นายศาสตร์ตรา แสนสุธา อายุ 27 ปี ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองยโสธร แต่พอตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กส่วนตัวของเจ้าของรถ จยย. พบว่ามีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในเวลา 21.51 น. โดยโพสต์รูปภาพรถ จยย.คันที่จอดไว้ในที่เกิดเหตุ พร้อมข้อความระบุว่า จอดรถไว้นี่เด้อแม่ ผมขอโทษผมคิดดีแล้ว โดยมีนางสุลักษณ์ ทรงศรี อายุ 48 ปี มารดาของนายศาสตร์ ยืนร้อง ไห้ อยู่ในที่เกิดเหตุ

สอบถามนางสุลักษณ์ ทราบว่ารถ จยย.คันดังกล่าวเป็นของลูกชายตนจริง โดยวันนี้ตนไปอยู่บ้านยายทั้งวัน ส่วนลูกชายตนพักอยู่บ้าน และยังไม่ได้พบหน้าลูกชายเลย มีแค่เวลาประมาณ 20.13 น.ของวันนี้ลูกชายส่งข้อความมาในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า แม่บ่ต้องนำหาผมเด้อ แม่จึงส่งข้อความถามกลับไปว่า เป็นหยังอีก มีเรื่องหยัง คือบ่ตอบล่ะ ลูกชายอ่านข้อความแต่ไม่ตอบกลับ ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ติดต่อมาหาว่าลูกชายตนจอดรถทิ้งไว้ที่สะพาน ตนจึงรีบออกไปที่เกิดเหตุ ก็เห็นเพียงรถ จยย.จอดทิ้งเอาไว้ โดนปกติลูกชายตนจะเช่าห้องพักอยู่กับแฟนสาว แต่ช่วงหลังมานี้ทั้งคู่ มี ปาก เสียงกัน ลูกชายจึงกลับมาอยู่ที่บ้านตน โดยปกตินิสัยลูกชายตนไม่เคยเป็นคนคิดอะไรแบบนี้

จากนั้นเวลา 22.52 น.ได้มีญาติของนายศาสตร์ตรา เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับบอกข่าวดีว่านายศาสตร์ตรา ไม่ได้คิด สั้น และยังมีชีวิตอยู่ โดยได้มีการโทรศัพท์ยืนยั่นว่านายศาสตร์ตราไปอยู่กับญาติจริง ส่งผลให้ประชาชนที่กำลังมุ่งดูเหตุการณ์จำนวนมากต่างทยอยเดินทางกลับ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยกเลิกการค้นหา หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัว นายศาสตร์ตรา เข้าพบ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อไปอีกครั้ง

ขอบคุณ ไทยรัฐ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ