เจ้าอาวาส ตั้ง วงกินหมูกระทะซดเหล้า​ ตร.บุกจับฝ่าพรก.ฉุกเฉิน

เจ้าอาวาส ตั้ง วงกินหมูกระทะซดเหล้า​ ตร.บุกจับฝ่าพรก.ฉุกเฉิน

จากกรณี พระนั่งดื่มเบียร์หน้าพระประธาน ล่าสุด พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสินธ์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังมีการจับกุมพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้นำเรื่องปรึกษากับพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ความว่าความผิดที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก 4 ที่ประกอบด้วย เสพเมถุน ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน พรากกายมนุษย์จากชีวิต ( ฆ่าคน ) และ กล่าวอวดอุตริ จึงไม่เข้าขั้นต้องลาสึกขาบทตามธรรมวินัย ขณะที่พระสงฆ์ทั้งหมดไม่สมัครใจลาสิกขาบท ทำให้ไม่สามารถบังคับได้

ส่วนในการดำเนินคดี แม้จะไม่ลาสิกขาบท แต่พนักงานสอบสวนสามารถนำตัวส่งฟ้องผู้ต้องหาขณะยังครองผ้าเหลืองได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ซึ่งพนักงานสอบสวนจะส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจับกุม คดีนี้มีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพระครูปลัดสุรเดช สายแผ่เยือง อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร วิมุติญาณกุง อายุ 41 ปี , พระอธิษฐณัฏฐ์ ปัญญาอินแก้ว อายุ 34 ปี , พระภานุกร คำป็อก อายุ 42 ปี , พระใบฏีกายนนนท์ ปัญญาปโตยานนท์ประทุม อายุ 35 ปี , พระทักษิณ ศรีธิ อายุ 36 ปี , นายจรัสวลี ราชสมบัติ อายุ 23 ปี และ นายสหการ สมศักดิ์ อายุ 25 ปี ในข้อหาร่วมกันชุมนุมมั่วสุ่มหรือทำกิจกรรม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 60/2564 และ พรก.ฉุกเฉิน ฯ มีของกลางเป็นกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว จำนวน 5 กระป๋อง และ ที่ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง และ เครื่องดื่มไวน์อีก 3 ขวด ที่ยังไม่ได้เปิด

นอกจากข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดแล้ว ในส่วนของพระครูปลัดสุรเดช , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร , พระอธิฐณัฏฐ์ และ นายสหการ ยังถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในข้อหาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอันเป็นความผิดตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 นางสาวเกษสุดา ต.เจริญ ผู้อำนวยกสวำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ พระเลขาเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ แจ้งว่าเจ้าคณะอำเภอติดกิจนิมนต์ แต่ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ในขั้นใดจะดำเนินการตามขั้นตอน สำหรับวัดปันเสาเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์มาลาเรีย เขต 2 และ อยู่ติดกับพื้นที่ลานจอดรถโรงพยาบาลเอกชน ไม่มีชุมชนรอบข้าง ทำให้ไม่มีชาวบ้านทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าอาจเป็นคนในวัดที่สุดทนพฤติกรรม แอบร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบ ขณะที่ในวันนีผู้สื่อข่าวสำรวจที่วัดปันเสา ไม่พบความเคลื่อนไห โดยมีการปิดประตูทางเข้าออก ส่วนร้านกาแฟบุญรักษาซึ่งเป็นร้านกาแฟของทางวัด ติดป้ายปิดให้บริการ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นปิดปากเงียบไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

โดยในส่วนของ พศ.เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและระเบียบข้อกฏหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการอะไรได้ แต่จะเป็นเรื่องของการดำเนินการทางปกครองของคณะสงฆ์

ขอบคุณ chiangmainews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ