อาลัย แพทย์ด่านหน้า
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม เพจ AVELA Clinique ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เคสพี่สาวผม (นอ หญิง ดร พญ สรัญยา ฬาพานิช) เป็นเเพทย์ที่เเม้จะ ฉี ด วั ค ซี น ไปแล้วก็ยังติดและจากไปด้วย CV ไปในที่สุด ครอบครัวเราจากไปด้วย CV ตอนนี้ สามชีวิตครับ คือคุณแม่ เมื่อ 25/7 คุณพ่อ 31/7 แล้วก็พี่สาว
เมื่อวานนี้ ผมคิดว่าผมมีสิทธิที่จะพูดความรู้สึก และความต้องการที่เห็นสถานการณ์CV19 ในประเทศปัจจุบันนี้ ผมเองไม่อยากจะโทษ วั ค ซี น ใดๆว่าดีหรือไม่ดี เพราะ หลายยี่ห้อฉีดครบก็มี เ สี ย ชี วิ ต ครับ แต่โดยหลักทางวิชาการที่ยอมรับในหลายๆประเทศทั่วโลกนั่น ชนิด mrna หรือ subunit protien น่าจะเป็นคำตอบที่ดีในเบื้องต้นนี้ครับ
และเเม้ว่า วั ค ซี น ที่น่าจะครอบคลุมทุกเ ชื้ อ น่าจะเป็นล็อตของปีหน้า แต่เรารอเเบบนั้นไม่ได้นะครับ เราต้องมี วั ค ซี น ที่มาตรฐานจำนวนมากกว่าที่มีตอนนี้ครับ ปัญหาของเราคือ กฎที่ออกว่า ใครจะซื้อต้องผ่านหน่วยงานรัฐ ผมเองไม่มั่นใจในเรื่องกฎหมายเท่าไรนัก แต่ผมคิดว่า
ถ้าเราสามารถออกกฎแบบที่ ราชกิจจาฯ ที่ให้ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์นำเข้าได้ ก็น่าจะออกให้บรรดา โรงพยาบาลเอกชน หรือ องค์กรเอกชน สามารถนำเข้าได้ ถ้าไม่เชื่อใจโรงพยาบาลเอกชนที่ใด ก็ผ่านตัวสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ก็น่าจะเป็นสมาคมใหญ่ในระดับที่น่าเชื่อถือได้นะครับ การนำเข้าวัคซีนที่ยอมรับ ในต่างประเทศมามากที่สุด เท่าที่ทำได้ ในทุกๆทาง โดยไม่ต้องอาศัยกฎเกณฑ์ ผ่านหน่วยงานรัฐ น่าจะอนุโลมให้ใช้ในสถานการณ์ ที่คนไทยได้ฉีดวัคซีนเพียง 25% (นี่คือรวมเชื้อตายและ mrna) ของประชากร
เพราะ วั ค ซี น ยิ่งเยอะ (โดยเฉพาะพวก mrna และ Subunit Protein) มันก็จะยิ่งดีไม่ใช่หรือครับ มันน่าจะถึงเวลาที่เราควรแก้บางกฎ เพื่อให้คนไทยได้ วั ค ซี น ที่มาตรฐาน ที่จะพอป้องกันตัวเองได้ อย่างน้อย เราก็พอมองเห็นทางสว่างข้างหน้าครับ ผมเชื่อว่า ถ้าออกกฎที่แก้ได้ จะมีบริษัท หรือ โรงพย าบาลมากมาย หรือแม้แต่หน่วยงานใดๆ ที่จะยินดีติดต่อเอง และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ อย่างรวดเร็ว เพราะเราเสียเวลามามากเกินไปแล้วครับ กับคำว่ารอ วั ค ซี นที่มาตรฐาน ครับ เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ นำเข้าวัคซีนเองเถอะครับ มีมากดีกว่ามีไม่พอนะครับ นายแพทย์สิทธิพงศ์ ฬาพานิช (หมอเตี๋ยว)
ขอบคุณ AVELA Clinique