โรงพยาบาลขอโทษ หลังแม่โพสต์ ลูกชายปวดท้องนั่งรอหมอ จนสิ้นใจคารถเข็น
กรณีแม่ช็อค ลูกชายปวดท้องพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านคลองสาน นั่งรอบนรถเข็น สุดท้ายเสียชีวิต โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เปิดเผยเรื่องราวใจสลาย ได้เขียนเล่าเหตุการณ์ ที่พาลูกชายมาส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา สาเหตุจากการปวดท้องแต่สิ้นใจระหว่างรอโพสต์ระบุว่า "ถึงโรงพยาบาลเมื่อคืน ตอนนี้รู้ว่าทำอะไรอะไรไม่ได้แค่อยากระบาย พาลูกไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เรียกพยาบาลคนแรกบอกไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้จน 4 ทุ่มกว่า เรียกอีกบอกว่าน้องไม่ไหวตาลาย หายใจไม่ออก
นางบอกว่าให้รอถ้าไม่อยากไปที่อื่นจะรักษาที่นี่ต้องรอเราเข็นลูกไปเข้าห้องน้ำ 3 รอบ ลูกยังลุกเข้าห้องน้ำ 5 ทุ่ม ลูกคอตกเรียกมาดูเอาเครื่องวัดความดันมาวัดแล้งวัดแะไรไม่ขึ้น หันมาถามเราหลับรึเปล่า เพลียรึเปล่า เราถามทำไมวัดไม่ขึ้นเจ้าหน้าที่รีบเข็นลุกเข้าไปปั๊มหัวใจสุดท้ายปั๊มไม่ทันลูกเราหมดลมหายใจไปต่อหน้าอยากถาม ถ้าคนนั้นเป็นลูกเป็นหลานเป็นคนที่รักของพวกคุณคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าคุณสนใจสักนิด คงยังช่วยเหลือชีวิตเค้าไว้ได้
พอลูกเราตายพากันเดินออกมาดูคนไข้ที่นอนรอหน้าห้องฉุกเฉินกันเต็มเลยถามเตียงนั้นเตียงนี้....นาทีชีวิตมันมีค่าสำหรับคนที่เขาใกล้ตาย...ไม่มีใครอยากจะตาย ขอให้ลูกเราเป็นเคส ที่ขอให้คุณใส่ใจคนไข้บ้างเราเข้าใจว่าคนไข้เยอะเเต่ถ้าเป็นหนักขอให้มาดูบ้างไม่ใช่ปฎิเสธ...เเล้วก็บอกให้รอรอจนลมหายใจสุดท้าย....รู้มั้ยทรมารใจเเค่ไหน....ใสใจบ้างค่ะ รูปสุดท้ายของชีวิตที่ไม่คิดว่าจะหมดลมหายใจ...เเม่ขอโทษนะ สำหรับคนที่อยากรู้โรงพยาบาล นะค่ะโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเเถวคลองสานค่ะ
พร้อมภาพลูกชายนอนเสียชีวิตที่รถเข็นของโรงพยาบาล มีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางความคิดเห็นบอกให้ฟ้องทางโรงพยาบาล บางความคิดเห็นบอกว่าระบบสาธารณสุขของบ้านเราล้มเหลวหรือไม่ ผู้สื่อข่าวของเราสอบถาม คุณเพ็ญ แม่ผู้เสียชีวิต บอกว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เวลา 18.00 น. ลูกชายหรือน้องตูนมีอาการ จุกเสียดท้อง หายใจไม่ออก หายใจเร็ว ตนจึงรีบไปซื้อยาแก้จุกเสียดให้ลูกชาย พอกินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ตัดสินใจพาไปโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลเวลา 21.30 น.
จึงให้ลูกชายนั่งรถเข็นรอบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน แต่ไม่มีพยาบาลคนไหนมาวัดไข้ วัดความดัน มาสอบถามอาการใดๆ ตนพยายามเรียกพยาบาลให้เข้ามาช่วยดูอาการของลูกชาย สอบถามไปที่พยาบาลคนแรกบอกอาการลูกชายเริ่มไม่ไหวแล้ว ให้ช่วยมาดูหน่อย พยาบาลกลับตอบว่าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ กำลังรักษาผู้ป่วยโควิดอยู่
รอจนถึงสี่ทุ่ม ลูกชายมีอาการแย่ลง หายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หัวใจเต็นเร็ว หายใจไม่ออก ตนจึงเดินไปสอบถามพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินคนที่สอง กลับตอบว่าให้รอ ถ้าอยากรักษาที่นี่ต่อ และยังไม่มีพยาบาลคนไหนเข้ามาวัดไข้ วัดความดัน หรือให้ออกซิเจน ไม่ดูแลอะไรเลย จนเวลา 23.05 น. ตามภาพในคลิปข่าว สภาพลูกชายไม่ดีขึ้น ลูกชายนั่งฟุบตัวลง หลับตาเหมือนนอนหลับ ตนจึงเข้าไปเรียกลูกชาย แต่ลูกชายไม่ตื่น ไม่ตอบสนองใดๆ ตนจึงไปเรียกพยาบาลมาดูอาการลูกชาย พยาบาลรีบเข้ามาเข็นลูกชายไปวัดความดัน แต่ความดันไม่ขึ้น พยาบาลรีบจับชีพจร ไม่พบสัญญานชีพจร จึงรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน เวลาผ่านไปสิบนาที คุณหมอเรียกเข้าไปพบ และบอกว่ากำลังทำการกู้ชีพลูกชายอยู่ เพราะลูกชายไม่มีชีพจรก่อนเข้าห้องฉุกเฉิน ตนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ จนถึงเวลาประมาณ 23.40 น. สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตลูกชายไว้ได้
และผลชันสูตรออกมาว่าลูกชายระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวและหัวใจล้มเหลว ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจที่คิดว่าโรงพยาบาลเป็นที่พึ่ง ฝากชีวิต ฝากไข้ แต่ลูกชายกลับมาเสียชีวิตโดยไม่มีพยาบาลเหลียวแล หลังจากที่ตนโพสต์เรื่องราวลงโซเชียล ทางโรงพยาบาลติดต่อมาเมื่อวาน วันที่เผาลูกชายเสร็จ โทรมาแสดงความเสียใจ แต่ยังไม่มีการพูดเรื่องเยียวยา หลังจากนี้ตนจะปรึกษาทีมทนายความ ว่าจะดำเนินการได้อย่างไรได้บ้าง