
สาวกินขนมจีนกับแม่
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. น.ส.นันทนันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความ พ.ต.ต. นิธิวัฒน์ คำนนท์ สว.(สอบสวน)สภ.ประโคนชัย เอาผิดแม่ค้าร้าน ฝน-นพ ขนมจีน ตั้งอยู่ใน อ.ประโคนชัย อ้างว่าใช้กระดาษทิชชูผสมในน้ำขนมจีน เกรงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอประโคนชัย ร่วมตรวจสอบทั้งที่ร้านและที่บ้านสถานที่ทำขนมจีน
ก่อนเชิญตัว น.ส.สายฝน เอิกเริก อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน พร้อมยกหม้อน้ำยาขนมจีนที่วางขายในร้านมาทำการพิสูจน์ ที่ สภ.ประโคนชัย จากการตรวจสอบใช้เวลานานกว่า 1 ชม. ด้วยการทดลองเอากระดาษทิชชูมาละลายน้ำแล้วเอาไปเปรียบเทียบน้ำขนมจีนที่ น.ส.นันทนันท์ อ้างว่าเป็นกระดาษทิชชู ผลปรากฎว่าวัตถุดิบที่อยู่ในหม้อขนมจีนเป็นเนื้อสัตว์ ไม่มีส่วนผสมของกระดาษทิชชูแต่อย่างใด น.ส.นันทนันท์ จึงยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของร้านที่เข้าใจผิด โดยเจ้าของร้านขนมจีนไม่ติดใจเอาความ
น.ส.นันทนันท์ เล่าว่าตอนเช้าวันนี้ไปซื้อขนมจีนกับร้านนี้ 2 ถุง แม่กินไปแล้ว 1 ถุง อีกถุงแกะใส่ชามเตรียมจะกินแต่มาสังเกตน้ำขนมจีนมีลักษณะผิดปกติคล้ายกับกระดาษทิชชู จึงเอาไปกรองกับกระชอน พบว่าเป็นวัสดุที่ไม่ละลายจึงมั่นใจว่าเป็นกระดาษทิชชูก่อนจะถ่ายภาพแล้วเอาโพสต์ในเฟชบุ๊กส่วนตัว มีคนไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่สภ.ประโคนชัย เพราะเกรงว่าจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ก็โล่งอก และขอโทษเจ้าของร้าน เพราะส่วนตัวพอคิดว่าเป็นกระดาษก็กลัวเป็นอันตรายต่อสุขภาพจึงไม่ได้ตรองให้ดีก่อน
น.ส.สายฝน และ นางเทียบ จะนันท์ อายุ 56 ปี เจ้าของสูตรขนมจีน เผยว่า ทำขนมจีนขายมานานกว่า 20 ปี มีการปรับสูตรมาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนหน้านี้น้ำขนมจีนใส่เนื้อปลาอย่างเดียวแต่น้ำจะใสดูไม่น่าทาน จึงคิดเอาถ้าเนื้อไก่มาผสมเพิ่มความเข้มข้นและมีลูกค้าติดใจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงทำมาตลอด ส่วนการใส่กระดาษทิชชูนั้น ไม่เคยคิด ซึ่งน้องยังเด็กและไม่รู้เรื่องเนื้อไก่อาจเข้าใจผิด ซึ่งผิดแล้วยอมรับผิดก็อภัยให้ไม่ติดใจเอาความ
นางขวัญเนตร ศรีเสมอ เภสัชกร ประจำโรงพยาบาลประโคนชัย กล่าวว่าการตรวจสอบอาหารของผู้บริโภคเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรจะไปโพสต์ในโลกออนไลน์ เพราะหากพบความผิดปกติสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบได้ตลอด เพื่อไมให้เกิดความผิดพาดแบบครั้งนี้และอาจทำให้ร้านค้าที่ได้ทำผิดได้รับผลกระทบไปด้วยได้
ขอบคุณ เดลินิวส์