จากกรณีที่มีการแชร์กันในโซเชียล กรณีที่มีหญิงคนหนึ่งอ้างว่า ถูกพี่ชายแท้ๆ 2 คน ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากแบ่งทรัพย์สินที่ได้รับมรดกไม่ลงตัว ก่อนใส่ร้ายว่าตนเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช จะวางเพลิงเผาบ้าน และแจ้งให้เจ้าหน้าที่อาสาพาตัวไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชนานถึง21วัน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 นางสาวศิริพร ตระกูลล้ำฟ้า อายุ 54 ปี เจ้าของเรื่อง เล่าว่า ครอบครัวของเธอมีพี่น้องอยู่ด้วยกัน5 คน ในปี2555 หลังจากที่แม่เสียชีวิต ได้มีการทำพินัยกรรมให้ลูกทั้ง5 เป็นตึกอาคารพาณิชย์ 5ชั้นครึ่ง ซึ่งในพินัยกรรมระบุว่าให้ลูกแบ่งกันอยู่ โดยในตึกมีพี่ชาย2คนและเธออาศัยอยู่ โดยแบ่งกันคนละชั้น ส่วนพี่ชายคนที่ 3-4ออกไปอยู่ที่อื่น แต่หลังจากนั้น ช่วงปี2556-2558 เกิดปากเสียงทะเลาะกันเนื่องจากแบ่งทรัพย์สินไม่ลงตัว

ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2559 เธอถูกพี่ชาย 2 คนรุมทำร้ายร่างกาย ตีด้วยไม้ ก่อนคร่อมที่ตัว ชกที่ศรีษะ และเอามือกดหลอดลม ตนต่อสู้กลับ จนหลุดจากพี่ชาย และรีบหนีเข้าไปในห้องโทรแจ้งเหตุตำรวจสน.สำเหร่ แต่ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินคดีพี่ชาย จนวันที่ 20 มีนาคม 2559 เวลา 00.30 น.

ตนถูกพี่ชายแจ้งตำรวจกล่าวหาว่าจะวางเพลิงเผาบ้าน ทำให้มีตำรวจร่วมกับอาสามูลนิธิชื่อดังบุกขึ้นไปที่ตึกชั้นที่ตนอยู่ เจ้าหน้าที่จับมัดมือมัดเท้าส่ง รพ.จิตเวชแห่งหนึ่ง จากนั้นแพทย์ฉีดยา และให้อยู่ในโรงพยาบาลนานถึง21วัน กระทั่งป้าได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนที่4 จนรอดพ้นโรงพยาบาลได้ หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลได้ตนเอง เดินหน้าร้องทุกข์กับหลายหน่วยงานเพื่อขอความเป็นธรรม โดยมั่นใจว่าตนเองเป็นบุคคลปกติไม่ได้เป็นผู้ป่วยแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ตนเองจึงตัดสินใจร้องเรียนสื่อ

โดยในวันนี้นางสาวศิริพร ได้เดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน. สำเหร่ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับพี่ชายที่ทำร้ายร่างกาย รวมถึงเอาผิดเจ้าหน้าที่อาสาที่ให้ความช่วยเหลือโดยเป็นผู้จับตนเองมัดส่งโรงพยาบาลทั้งที่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน นอกจากนั้นยังร้องขอให้เจ้าหน้าที่ส่งตัวเองไป ตรวจสุขภาพจิตอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าเป็นคนปกติ