4 แม่เฒ่าวอนทั้งน้ำตา
ที่จ.สุโขทัย บ้านเลขที่ 4 ม. 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดใหญ่ ใต้ถุนสูง ปลูกบนพื้นที่ 3 งานเศษ พบแม่เฒ่า 4 คน อายุไล่เรียงกัน ตั้งแต่ 94 ปี 82 ปี 80 ปี 77 ปี ทุกคนนั่งเศร้าสร้อย ในตาฉายแววว่าทุกข์ใจ ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา เพราะเจ้าหนี้จะไล่ที่ ให้ออกไปจากบ้านที่ตนเคยอยู่อาศัยตั่งแต่เล็กจนโต โดยแม่เฒ่าทั้ง 4 คนจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน นี้แล้วโดยไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อไป
นางโปรย อนุเคราะห์ อายุ 94 ปี มีครอบครัวมีลูก 2 คน, น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี โสด, น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี โสด และนางตะล่อม ทิมแย้มอายุ 77 ปี โสด แม่เฒ่าสี่พี่น้อง ที่หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในบ้านหลังที่พ่อแม่สร้างไว้ให้เมื่อวัยเด็กและอยู่มาจนแก่ ช ร า ร้องไห้จนไม่มีน้ำต า เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนี้พวกตนจะอยู่อย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปแล้ว พูดได้คำเดียวว่า หากต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้คง ต า ย คาบ้านหรือไม่ก็ยอม ต า ย ในคุก ด้วยความผูกพันที่อยู่ด้วยกัน 4 พี่น้อง
ตั้งแต่เด็กมาจนแก่เ ฒ่ า คงต้องถึงที่สุดของชีวิตคือเสียใจจน ต า ย ด้วยความแก่ ช ร า อีกทั้งต่างคนต่างก็มี โร ค รุ ม เ ร้ า เดินก็ไม่ค่อยไหว ซ้ำรายเป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจ และคนเล็กเป็นโรคหอบหืด หวังจะได้เห็นหน้ากัน ฝากผีฝากไข้กัน ต่อไปจะอยู่กันอย่างไร แม่เฒ่าทั้ง 4 คนวอนขอความช่วยเหลือจากทนายจิตอาสา ที่ช่วยเหลือประชาชน และผู้ใจบุญ มาช่วยเหลือ แม่เฒ่าแก่ๆ ไม้ใกล้ฝั่งทั้ง 4 คนได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไปจนกว่าจะตายด้วยเถอะ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องมาถูกไล่ที่ในครั้งนี้ แม่เฒ่าทั้ง 4 กล่าวว่า ด้วยความรักและหวังเห็นอนาคตของหลาน เมื่อหลานมาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงินเพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แม่เฒ่าทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่หลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวันก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ได้ จนกระทั่งทางเจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป เมื่อปี 2562 รวม 3 แปลงเป็นเงิน 980,500 และมีส่วนต่างเงินคืนให้ลูกหนี้ จำนวน 365,000 บาท
ขณะที่นายลวง อนุเคราะห์ อายุ 54 ปี ลูกชายของนางโปรย ยายวัย 94 ปี ผู้ชายคนเดียวของบ้าน ที่ต้องดูแลแม่ และน้า 3 คน และพี่สาวอีกคน กล่าวว่า ตนในฐานะคู่ความแทนพี่ชายซึ่งเป็นลูกหนี้ และเสียชีวิตไปแล้ว ได้ไปอ้อนวอนขอซื้อที่ดินพร้อมบ้านที่พวกตนได้อยู่นี้คืน โดยจะนำเงินที่ได้รับคืนจากสำนักงานบังคับคดี และจากบางส่วนที่พอจะหามาได้ เพื่อขอซื้อบ้านสามหลังกลับมาให้แม่ น้า ทั้ง 4 คน และพี่สาวอีกคน ได้ มีที่อยู่อาศัย เป็นที่ซุกหัวนอนในยามบั้นปลายชีวิตก่อนจะหมดลมหายใจไป
นายลวง เล่าว่าตนเอง ได้ใช้ความพยายามทุกวิธี ทั้งวิ่งเต้นหาเงิน วิ่งขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน เพื่อขอซื้อบ้านหลังนี้กลับมา หลังจากปี พ.ศ.2545 ที่หลานชาย ลูกของพี่สาวต้องการเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน และได้นำที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้ รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้านที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่นี้
แต่หลานชายและครอบครัวไม่สามารถหาเงินมาชดใช้หนี้สินที่ก่อขึ้นได้ เจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เมื่อปี 2562 จนกระทั้งเจ้าหนี้ ยื่นคำขาดว่าจะเข้ามายึดบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน 64 วอนทนายจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก หรือใครก็ได้ช่วยคุยกับเจ้าหนี้ให้ใจอ่อนขายคืนบ้านให้ แม่และน้าๆ ตนเองในส่วน 3 งานนี้เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาตนเองก็สู้สุดชีวิต แต่ทำได้เพียงเท่านี้
ขอบคุณ เรื่องเล่าเช้านี้