ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ
วันที่ 12 มิ.ย. 64 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสั่งคดีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาว่า คดีนี้หลังจากตำรวจ สน.มีนบุรี สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการคดีอาญามีนบุรี 1 ทางพนักงานอัยการได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่ามีการเบิกความเท็จในชั้นศาล
นายประยุทธ กล่าวว่า โดยทางตำรวจได้แจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า แต่อัยการเห็นว่า พฤติการณ์ที่มีการนำสืบพยานเป็นเท็จในคดีที่มีโทษประหารชีวิต เข้าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 181 ว่าผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 180 ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-300,000 บาท
ดังนั้น พนักงานอัยการจึงสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหากับ ทนายษิทธาเพิ่มเติม ตามมาตรา 181 ซึ่งเป็นข้อหาที่มีอัตราโทษที่สูงขึ้น พร้อมกันนี้ พนักงานอัยการคดีอาญามีนบุรี 1 ยังได้นัดให้ทนายษิทธามาฟังคำสั่งทางคดี ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
สำหรับคดีนี้ นายษิทธา ถูกกล่าวหาว่า ได้นำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดีที่ น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ตกเป็นจำเลยในคดียาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับนายษิทรา และถูกตำรวจจับกุมตั้งแต่เดือน ก.พ.2563 ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างละเอียด ไม่แน่ใจว่าทนายษิทรา พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาอะไรบ้าง แต่เท่าที่ทราบคือความผิดฐานแสดงหลักฐานเท็จ และล่าสุดที่รองโฆษกที่แถลงข้อหาเพิ่ม เพราะเห็นว่าทนายษิทราได้ทำมากกว่าที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาไว้ จึงให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนข้อหาเพิ่มเติมนั้น ตนเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน เพราะทนายตั้มก็ไม่ค่อยได้พูดคุยเรื่องนี้ ข่าวก็ไม่ค่อยมีรายละเอียดใด ๆ ถามว่ากระทบต่อคดีน้องชมพู่หรือไม่
ตนเองมองว่าตราบใดทนายษิทราสู้คดีก็ไม่มีผลกระทบต่อคดีชมพู่ แต่สมมติว่าทนายษิทราประกันตัวไม่ได้ ก็มีผลกระทบโดยตรง เว้นแต่จะแต่งตั้งทนายความร่วมอีกคนในการต่อสู้คดี ซึ่งทั้งสองคดี ทั้งคดีของทนายษิทราเอง และคดีน้องชมพู่ เป็นระยะเวลาที่ถูกฟ้องไล่เลี่ยกัน ทนายษิทราถูกฟ้องก่อน อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดี ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ทนายความของลุงพลได้เช่นกัน และทนายตั้มได้ประกันตัวในชั้นศาลอยู่แล้ว ความผิดดังกล่าวถือว่าร้ายแรง แต่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวแล้ว ก็น่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ
ขอบคุณ เนื้อหาข่าวและคลิปจากอัมรินทร์ทีวี 34