ลือ นายไชย์พล เตรียมหาทนายเพิ่ม
เรียกได้ว่าเป็นกระแสต่อเนื่องกว่า 1 ปีเต็ม สำหรับคดีน้องชมพู่ ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสข่าวที่สังคมยังให้ความสนใจอยู่ ณ ขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ทนายตั้ม หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้พาลุงพลไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้นายสิระกับกรรมาธิการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร. รวมถึงเจ้าหน้าที่ ตร.บางนาย ในประเด็นต่างๆ
หลังจากนายษิทรา พาลูกความ นายไชย์พล ไปร้อง กมธ.ยื่นหนังสือต่อนายสิระ เจนจาคะ จนทำให้นายกฯฉุนประเทศไทยเป็นอะไรกันไปหมด พาผู้ต้องหามาแถลงสู้คดีที่รัฐสภา เกิดกระแสวิพากวิจารณ์กันอย่างหนักถึงเรื่องดังกล่าว และต่อมา เมื่อวันที่ ( 10 มิ.ย. 64 ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความในคดีใช้หลักฐานเท็จช่วยเหลือ เอมี่ อามาเรีย จาคอป ให้หลุดคดี โดยจะส่งสำนวนคดีให้กับอัยการจังหวัดมีนบุรี โดยคดีนี้สืบเนื่องจากชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง ในฐานะผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ว่า
ถูกนำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ย า เ ส พ ติด มาตรา 100/2 ในคดีน.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดังจากละครเรื่องธิดาวานะ ตกเป็นจำเลย โดยนับจากนั้นตำรวจได้สืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับนายษิทรา ตามมาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนายษิทรา ถูกตำรวจจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี
ต่อมาก็มีกระแสข่าวลือในโลกโซเชียลว่า นายไชย์พล เตรียมหาทนายเพิ่ม
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวเป็นแค่กระแสข่าวลือ เรื่องจริงจะเป็นอย่างไรหากมีความคืบหน้าทีมงานจะรีบนำมาอัพเดททันที