หนุ่มมางานตัวเอง

หนุ่มมางานตัวเอง

อลหม่านงานศพ พระสวดกุสลา คนตายขี่ซาเล้งมาหน้าตาเฉย ชายหนุ่มถูกรถทับหัวเละ ไม่เหลือเค้าหน้า พ่อสงสัยจะเป็นลูกชาย และเกิดจำรอยสักได้ รับศพมาจัดงานที่บ้าน กางเต็นท์ เตรียมอาหาร นิมนต์พระสวด แจ้งการตายเอาเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ซื้อของหมดไป 7 หมื่น กระทั่งมีคนมาทวงเอาศพ และลูกชายตัวเป็นๆ โผล่กลางงานศพตัวเอง จึงถึงบางอ้อ วันที่ 2 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านซาด ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีความวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากมีการจัดงานศพผิดตัว และอยากให้เป็นกรณีศึกษากับคนทั่วไป

บ้านเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 51 บ้านซาด หมู่ 7 ต.สระบัว อ.แคนดง มีการกางเต็นท์ มีแม่ครัวกำลังประกอบอาหารกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยของคนที่มาร่วมงาน สอบถามทราบว่า พระที่กำลังสวดอยู่นั้น เพิ่งเปลี่ยนบทสวด จากบทสวดในงานศพมาเป็นงานทำบุญต่ออายุ ให้กับนายสงัด หรือล้าน สายวัน อายุ 38 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงกลางคืนจนมาถึงตอนเช้า นายล้าน คือคนที่พ่อแม่เอารูปภาพมาตั้งหน้าโลงศพ เพื่อจัดงานศพให้ นายไพรัตน์ สายวัน อายุ 61 ปี พ่อนายล้าน เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.คืนที่ผ่านมา มีชาวบ้านมาแจ้งตนว่า ให้ไปดูศพคนถูกรถชนตายที่ ถนนสายแคนดง-สตึก เพราะมีรูปร่างคล้ายกับนายล้าน ลูกชาย ประกอบกับลูกชายได้หายออกจากบ้านไปได้ 2 วัน และยังป็นคนชอบดื่มเหล้าแล้วชอบเดินริมถนนเวลาเมา

นายไพรัตน์ เล่าอีกว่า แต่เมื่อไปดูศพ ปรากกฏไม่มีเค้าโครงของใบหน้าเหลืออยู่ เพราะถูกรถทับแหลกเหลวหมด ตำรวจจึงพยายามให้ดูอย่างละเอียดถึงตำหนิต่างๆ เมื่อเห็นรอยสักที่แขนซ้าย จึงคิดว่า "น่าจะเป็นลูกชายที่หายออกจากบ้านไป จึงไปติดต่อขอรับศพที่โรงพยาบาลแคนดง ตามขั้นตอน"

จากนั้น ผู้ใหญ่บ้านได้ดำเนินการแทนทั้งหมด ตั้งแต่การยืมโลงเย็น การกางเต็นท์รับแขก เตรียมวัตถุดิบทำอาหารเลี้ยงแขก นิมนต์พระ เสร็จแล้วไปแจ้งตายที่อำเภอแคนดง เพื่อนำเอาหลักฐานไปขอรับเงินฌาปนกิจศพประจำตำบล เบื้องต้น ได้มาประมาณ 70,000 บาท เอาไปซื้อหมู และเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนเวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง มาขอดูศพเพราะเกรงว่าศพในโลงจะเป็นศพญาติของเขาที่หายตัวไปเช่นกัน แต่ทางเราไม่ให้ดู เพราะหมอสั่งไว้ว่าไม่ให้เปิด เนื่องจากสภาพศพไม่อยู่ในสภาพปกติ

แต่แล้วชาวบ้านที่อยู่ในงาน ต้องแตกตื่นอลหม่านกันทั้งงาน เพราะเห็นนายล้าน ที่ทุกคนคิดว่าตายแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างขับเข้ามาในงาน ที่กำลังจัดงานศพอยู่ จึงเข้าไปสอบถามและลูบคลำลูกชาย พบว่า เป็นลูกชายจริงๆ ไม่ใช่ผี จึงรู้ว่าเอาศพมาผิด แจ้งไปทางโรงพยาบาลให้มารับศพกลับไป แล้วเปลี่ยนจากงานศพมาเป็นงานทำบุญต่ออายุให้ลูกชาย ขณะที่ นายสงัด หรือล้าน สายวัน ตัวแปลสำคัญในความอลหม่านครั้งนี้ เล่าว่า ตนออกจากบ้านไป 2 วัน ไปเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อน เมื่อเข้าบ้าน เห็นมีการจัดงาน เบื้องต้นคิดว่าพ่อหรือแม่น่าจะเสียชีวิต แต่เมื่อมาดูรูปภาพที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพ กลับพบว่าเป็นภาพของตัวเอง เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี จะได้หมดเคราะห์หมดโศกไป

ทางด้านนางปฐม พูลวงศ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 3 บ้านหัวหนองแคน ต.สระบัว อ.แคนดง ซึ่งเป็นผู้ไปตามมาเอาศพที่บ้านนาไพรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านถ่ายภาพศพคนถูกรถชนลงเฟซบุ๊ก เมื่อเห็นภาพก็รู้ทันทีว่าเป็นนายปองพล หรืออ๊อด พูลวงศ์ อายุ 35 ปี น้องชายที่หายตัวไป จึงไปสอบถามโรงพยาบาลแคนดง ได้คำตอบว่ามีคนรับศพไปแล้ว แต่ต่อมาได้แจ้งว่า เอาศพไปผิดตัว จึงมาดู พร้อมกับแจ้งตำหนิให้กับหมอทราบ ว่า คนตายมีแผลเป็นที่มือ และนิ้วเท้าด้วน หมอบอกว่าตรงกับศพที่ตาย จึงขอรับศพน้องชายไปทำพิธีฌาปนกิจ แม้ว่าเรื่องจะอลเวงแต่ก็ยังโชคดีที่รู้และไปตามทัน ก่อนที่จะมีการเผาศพ

ขอบคุณ ไทยรัฐ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ