สธ.เผย โควิด-19 ลาม 62 จังหวัด จับตาสงกรานต์เชื้อกระจาย

สธ.เผย โควิด-19 ลาม 62 จังหวัด จับตาสงกรานต์เชื้อกระจาย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 เม.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 และประเด็นวัคซีน ว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 20 คัน และรถวิเคราะห์ผลตรวจพิเศษอีก 5 คัน สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 789 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 31,658 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 28,161 ราย รักษาอยู่ 3,400 ราย

เป็นผู้ป่วยอาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 10 ราย เสียชีวิตใหม่ 1 ราย รวม 97 คน สำหรับผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 68 ปี อยู่ที่จังหวัดนครปฐม มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ก่อนเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลห้วยพลู ด้วยอาการไข้ หอบเหนื่อย ต่อมาผู้ป่วยมีอาการไตวายเฉียบพลันและเสียชีวิต

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า เรื่องการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-9 เม.ย. ยังมีหลายคนสงสัยว่า ช้าหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ศักยภาพการฉีดวัคซีนของเราไม่มีปัญหา และหลายจังหวัดฉีดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดี ซิโนแวคส่งเพิ่มให้อีก 1 ล้านโด๊ส และอีกข่าวดีจะเพิ่มมาอีก 5 แสนโด๊ส ในเดือน เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรวมกว่า 2,000 ราย และมีแนวโน้มการเพิ่มของผู้ป่วยมากขึ้น จึงต้องจับตาต่อไป โดยเฉพาะขณะนี้ที่พบจังหวัดที่มีสีแดง หรือพบผู้ติดเชื้อช่วง 3 วันที่ผ่านมาแล้ว 62 จังหวัด เท่ากับการรระบาดของโรคในเดือน เม.ย. ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง

เป็นการติดเชื้อแบบก้าวกระโดดในประเทศไทย โดยมีแหล่งกระจายโรคที่กรุงเทพฯ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-10 เม.ย. พบที่กรุงเทพฯ 1,058 ราย นราธิวาส 291 ราย สมุทรปราการ 228 ราย ชลบุรี 205 ราย และเชียงใหม่ 194 ราย และต้องจับตาในเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์

สถานบันเทิงเป็นจุดแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะปัจจัยนักเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทยและอยู่ในวัยทำงานวัยหนุ่มสาว ซึ่งมีกลุ่มอายุมากที่สุด 20-29 ปี กลุ่มนี้กิจกรรมเยอะ เวลาไปเที่ยวไม่เที่ยวที่เดียว แต่ไปเที่ยวที่อื่นๆ ด้วย ทำให้แพร่ระบาดได้เยอะ และการแพร่ระบาดนอกจากเกิดระหว่างนักเที่ยวเองแล้ว ยังไปติดพนักงานและติดคนที่บ้าน ซึ่งสิ่งที่ต้องกังวลเวลากลับภูมิลำเนา ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไปพบผู้ใหญ่ที่บ้าน

ขอให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลา ถ้ามีประวัติไปสถานบันเทิงในช่วงที่ผ่านมา และขอความร่วมมือนักเที่ยวถ้าไปสถานบันเทิงหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง ไปสถานที่แออัด ไม่ใส่หน้ากากและดื่มแอลกอฮอล์ ก็ให้ตรวจสอบประวัติตัวเองด้วย และถ้ามีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ก็รับเข้ารับการตรวจฟรีที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า จากสถานการณ์ขณะนี้สรุปได้ว่าขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ลุกลามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระจายหลายจังหวัด ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และเดินทางข้ามจังหวัด เช่น เที่ยวผับเชียงใหม่และกระบี่ เป็นต้น และที่น่าสังเกตลักษณะอาการทางคลินิกผู้ป่วยอาการเล็กน้อย มีอาการตาแดง น้ำมูกไหล ไม่มีไข้และมีผื่นขึ้นบ้าง ถ้ามีอาการเหล่านี้ขอให้ระมัดระวังและพบเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง

เมื่อถามว่า จังหวัดใดบ้างที่จากที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัว นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด สามารถเดินทางได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ว่าฯ สามารถสั่งการเพิ่มเติมได้ เช่น การสั่งผู้เดินทางเข้าจังหวัดกักตัวเอง โดยย้ำว่าการทำมาตรการเข้มกว่า ศบค.ทำได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในจังหวัดนั้นๆ และจากการสอบถามพบว่าขณะนี้มี 29 จังหวัดอาจให้กักตัว ดังนั้นก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย

อย่างไรก็ตาม ขอให้ทำตามมาตรการป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย งดเดินทางไปสถานที่สุ่มเสี่ยงนะคะ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ