วันที่ 19 มี.ค. นายนิคม อุ่มอาสา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 บ้านนาคอย หมู่ 5 ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ มะลาศรี รองสว.(สอบสวน) สภ.นาหว้า จ.นครพนม ว่า ตนเองถูกสวมสิทธิ มีคนนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามโครงการรัฐบาลไปใช้จ่าย ตั้งแต่ปี 2560 โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่ง มีการลงทะเบียน เราชนะ จึงพบว่า มีการใช้สิทธิในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงได้ไปตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาอำเภอนาหว้า จ.นครพนม จุดรับขึ้นทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ พบมีบุคคลสวมสิทธิ์ นำบัตรไปใช้จ่ายจริง จึงได้มาร้องทุกข์เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพื่อดูแลให้การช่วยเหลือ เพราะทำให้เสียสิทธิ และถูกสวมสิทธินำบัตรไปใช้จ่ายมานานเกือบ 4 ปี

นายนิคม เปิดเผยว่า ย้อนไปเมื่อปี 2560 ทางเจ้าหน้าที่ได้มาเปิดบริการจุดรับลงทะเบียนสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในหมู่บ้าน จึงได้นำเอกสารไปยื่นเพื่อขอรับสิทธิ จนเวลาผ่านไปไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ ทำให้เข้าใจว่าคงไม่ผ่านการพิจารณาในโครงการดังกล่าว จึงไม่ได้สนใจ และมีการตรวจสอบว่าตัวเองได้รับสิทธิหรือไม่ จนกระทั่งต่อมา มีโครงการ เราชนะ จึงได้ให้ลูกสาวทำการลงทะเบียนให้ผ่านโทรศัพท์มือถือ พบว่าคุณสมบัตรไม่ผ่าน จึงนำเอาเอกสารไปตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนที่ธนาคาร ธกส.สาขา อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงไม่มีสิทธิในโครงการดังกล่าว ถึงรู้ว่าตัวเองถูกสวมสิทธิ ทั้งที่ไม่เคยนำไปใช้งาน จึงนำเรื่องเข้าร้องเรียนกับฝ่ายปกครองอำเภอนาหว้า พร้อมกับเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.นาหว้า ไว้เป็นหลักฐานหาคนกระผิด

เสียใจมาก ไม่ได้ใช้สิทธิตามโครงการ และยังต้องมาเสียสิทธิโครงการเราชนะอีก ทั้งที่ผมมีรายได้น้อย ปกติมีอาชีพทำงานรับจ้างร้านปะยางได้วันละไม่กี่ 100 บาท แทนที่จะได้รับเงินมาจุนเจือดูแลครอบครัว แต่ต้องมาเสียสิทธิทั้ง 2 โครงการ และเกรงว่า คนสวมสิทธิ จะนำไปกระทำการสวมสิทธิด้านอื่นต่อ จึงต้องออกมาเรียกต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ดูแลช่วยเหลือเร่งด่วน" คุณลุงวัย 60 กล่าว

ด้าน นายจักรพงษ์ โลหะ ผู้จัดการธนาคาร ธกส.สาขา อ.นาหว้า กล่าวว่า ภายหลังมีชาวบ้านผู้เสียหายเข้ามาขอความช่วยเหลือให้ตรวจสอบการใช้สิทธิ สวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากธนาคาร ธกส. เป็นคนรับขึ้นทะเบียน ตั้งแต่ปี 2560 พบว่า ข้อมูลของผู้เสียหาย มีการขึ้นทะเบียนจริง และได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเรียบร้อย แต่ทางธนาคารไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำไปใช้งาน ซึ่งภายหลังเกิดปัญหาจะได้รวบรมเอกสารประสานกับทางธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัตรทำการอายัดบัตร ยกเลิกบัตรเดิม และออกบัตรใหม่ ให้กับเจ้าของตัวจริง ส่วนการตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่า น่าจะเป็นคนในพื้นที่ หรือบุคคลใกล้ตัว นำไปใช้สิทธิ เพราะมีการนำไปใช้จ่ายตามร้านในโครงการ มาตลอดในพื้นที่ อ.นาหว้า ซึ่งจะได้ประสานทางตำรวจตรวจสอบ ดำเนินคดีในการสวมสิทธิ ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา จะได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลตามขั้นตอน ซึ่งฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ให้มีการตรวจสอบ โดยละเอียด ในการเข้าร่วมโครงการ หรือใช้สิทธิต่างๆ ป้องกันการสวมสิทธิ ของกลุ่มมิจฉาชีพ และผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสสวมสิทธิของชาวบ้าน

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวน รวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อตรวจสอบ ติดตามหาคนที่สวมสิทธิ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประสานทางธนาคารเกี่ยวข้อง คือ ธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัตร และธนาคาร ธกส. ทำการตรวจสอบ อายัดบัตร และตรวจสอบเส้นทางการนำบัตรไปใช้สวมสิทธิ เบื้องต้นตรวจสอบสันนิษฐานว่าเป็นคนใกล้ตัวนำเอกสารไปสวมสิทธิ และมีการใช้จ่ายตามร้านค้าในพื้นที่ ซึ่งจะได้เร่งสืบสวนติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย