เจอตัวแล้ว บุตรสาวหายตัวหลังงานหมั้น
จากกรณี นางสาวสุภัสสร ช่วยบำรุง หรือ น้องกล้วย อายุ 21 ปี ชาว ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด หายออกจากบ้าน ขณะเดียวกันญาติสงสัยว่านายดลรอหีม คู่หมั้น เป็นคนมารับน้องกล้วยไป ตามหลักฐานข้อความในกล่องข้อความทางเฟซบุ๊กของน้องกล้วย เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 63 จนน้องกล้วยหายตัวไป ด้านนายดลรอหีม อายุ 23 ปี ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ได้มารับน้องกล้วยไปนั้น วันที่ 17 มี.ค. 64 ทีมข่าวติดตามเบาะแสของนางสาวสุภัสสร ช่วยบำรุง หรือ กล้วย อายุ 21 ปี จากฟาร์มเลี้ยงวัวชนใน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งฟาร์มเลี้ยงวัวดังกล่าวเป็นที่ทำงานของนายดลรอหีม นันโน๊ะ หรือ ดล อายุ 23 ปี คู่หมั้นของนางสาวกล้วย ผู้ถูกกล่าวหา
หลังจากทีมข่าวเดินทางไปถึงฟาร์มเลี้ยงวัวชน พบว่าทั้งคู่อยู่อาศัยด้วยกันจริง ภายในบ้านพักลูกจ้าง ซึ่งนายดลกับนางสาวกล้วย รับจ้างเลี้ยงวัวชน เกี่ยวหญ้าวัวขาย ได้เงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติแบบคู่รักกัน และอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน ระหว่างนั้น
นางสาวกล้วยก็ได้เดินเข้าไปภายในบ้านพัก หยิบเอาโทรศัพท์เครื่องที่เป็นทรัพย์สินที่ติดตัวมาในวันที่ออกจากบ้าน มาโชว์ให้ทีมข่าวดู พบว่ามีแต่โทรศัพท์เปล่า แต่ไม่มีซิมการ์ด เนื่องจากนางสาวกล้วยได้ถอดซิมทิ้ง หลังจากที่หนีออกจากบ้าน ก็ซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเองทั้งหมด ได้รับเงินจากนายดล คู่หมั้น เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
น.ส.สุภัสสร ช่วยบำรุง หรือ กล้วย เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้คุยกับแม่ในรอบ 4-5 เดือน หลังจากที่ออกจากบ้านใน จ.ตรัง เหตุผลที่ตนเองออกจากบ้าน ไม่ได้มีใครลักพาตัวหรือบังคับใ ตนเองตัดสินใจออกมาด้วยความน้อยใจที่ถูกแม่ขับไล่ออกจากบ้าน และยังมีปัญหาในครอบครัวอื่น ๆ เช่น
เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง ตนเองมักจะโดนแม่ดุด่า ทำให้ตัดสินใจออกมาจากบ้าน เพื่อมาหางานทำ หนีปัญหาความวุ่นวายในครอบครัว อีกเหตุผลหนึ่ง ก่อนที่ตัวเองจะแชตไปบอกให้บังดลมารับ แม่ได้ใช้ให้ตนเองออกไปจ่ายค่าไฟฟ้า 300 กว่าบาท และตนเองได้เงินทอนไม่ครบ ถูกแม่ดุด่าและใช้ให้กลับไปที่ร้านเพื่อเอาเงินคืน ตนเองจึงทะเลาะและมีปากเสียงกับแม่ จนกระทั่งแม่ไล่ออกจากบ้าน พูดว่า ให้มึงออกไปอยู่ที่อื่น จะไปไหนก็ไป ออกไปให้ไกลห้วยยอด กูจะไม่ตามหามึง" ตนเองจึงน้อยเนื้อต่ำใจ โทรศัพท์และแชตไปหาบังดลให้ขับรถมาจากหาดใหญ่ เพื่อมารับตัวเองไปอยู่ด้วย ตนคิดว่าถ้าหากวันนึงได้เงินจำนวนหนึ่งแล้ว จะกลับไปหาแม่และขอโทษแม่
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบังดล ยืนยันว่ายังคงรักกันดี รักกันมากยิ่งขึ้นหลังจากที่มาใช้ชีวิตคู่ อีกทั้งไม่ได้มีการถอนหมั้น ไม่ได้หนีไปประเทศมาเลเซีย ทุกวันนี้บังดลก็ดูแลออกค่าใช้จ่ายให้คำปรึกษาทุกอย่าง ใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มเลี้ยงวัวก็ไม่ได้เดือดร้อน อยากจะขอโทษแม่และแม่ของพี่บังดลที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย
นายดลรอหีม นันโน๊ะ หรือ บังดล อายุ 23 ปี คู่หมั้นของนางสาวกล้วย เปิดใจว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้รับโทรศัพท์และรับแชตข้อความของผู้หญิงให้ไปรับที่บ้าน จึงได้ขออนุญาตนายจ้างเพื่อนำรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวไปรับนางสาวกล้วย เจ้าตัวอ้างว่าไม่อยากอยู่บ้าน เพราะมีปัญหาครอบครัว ตลอดช่วงที่อยู่ด้วยกันก็ยังรักกันปกติ ไม่ได้เลิกหรือถอนหมั้นกัน อีกทั้งไม่ได้มีการส่งแฟนสาวไปขายที่ประเทศมาเลเซียตามที่ถูกกล่าวหา ตนเองก็ดูแลคู่หมั้นเป็นอย่างดี และแหวนที่ใช้หมั้นหมายก็ยังเก็บรักษาเอาไว้
ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้หนีงานแต่ง ตนเองเตรียมที่จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่เกิดเรื่องขึ้นก่อน ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการเก็บเงิน มีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 40,000 บาท แต่ถ้าเกิดเก็บเงินได้ครบ 50,000 บาท ก็จะมีพิธีแต่งงานเพื่อให้ถูกต้องตามประเพณี ตนมีเงินเก็บ และมีวัวชนที่ซื้อจากเจ้าของฟาร์มมาเลี้ยงเอาไว้ 2 ตัว หากนำไปขายก็จะได้เงินประมาณ 60,000- 70,000 บาท ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกให้แม่รับรู้ เพราะกลัวว่าจะมีคนตามเจอ "ผมฝากขอโทษแม่ของตัวเอง และแม่ของผู้หญิง ตอนนี้อยู่สบายดีและดูแลนางสาวกล้วยเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง หากพร้อมเมื่อไหร่ก็จะพาไปเยี่ยมและกลับบ้านทันที"
นางไอริสทร์ เจ๊ะเอียด แม่ของนายดลรอหีม กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าลูกชายไม่ได้มารับฝ่ายหญิงไป ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายไปหาฝ่ายชายเอง แม้จะมีเรื่องข้อความที่ลูกชายแชตมาหาฝ่ายหญิง ส่วนตัวเชื่อลูกชายไม่ได้มารับกล้วยไปแน่นอน เพราะลูกชายไม่เคยปิดบังแม่ เพราะส่วนตัวได้ถอนหมั้นลูกชายกับกล้วยไปแล้ว ส่วนที่โกหกและให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับมูลนิธิกระจกเงา และผู้สื่อข่าวว่ากล้วยไปหาลูกชาย เอาแหวนหมั้นไปคืนให้กับลูกชายที่ จ.สงขลาเองนั้น กล้วยไปเพื่อนผู้ชาย 1 คน และเพื่อนผู้หญิง 2 คน จากนั้นเขาก็เดินทางไปประเทศมาเลเซียต่อ ตนเองบอกได้แค่ว่ากล้วยไปหาลูกชายตนเองเอง ทั้งนี้ ตนยังยืนยันเชื่อว่าแม้กล้วยจะไปอยู่ด้วย แต่ก็คงอยู่กับเถ้าแก่ ไม่ได้ไปเป็นเมียของลูกชายแน่นอน ตนยืนยันและหลังทราบความจริงแล้ว ตนเองก็ยังไม่ได้คุยกับลูกชาย หลังจากนี้จะไม่คุยจะไม่เอาลูกชายแล้ว เพราะตนก็โกรธที่ทำกับตนเอง ที่ไม่เชื่อฟังตนด้วย
จากนั้น นายประเสริฐ ทองชู ผู้ช่วยกำนัน ต.ท่างิ้ว และนายอุดม ทองแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ท่างิ้ว รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.ท่างิ้ว ไม่พอใจแม่ของฝ่ายชาย เพราะไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อตามหาน้องกล้วย และในวันนี้แม่ของบังบ่าวก็ยังมีปากเสียงกับผู้นำชุมชน หลังจากนี้อยากจะให้แม่ของฝ่ายชายนำลูกและน้องกล้วยกลับมา เพื่อให้มาขอขมาแม่ของน้องกล้วย ทำตามประเพณีที่ดีงามของชุมชนให้เรียบร้อย
ด้านนางระเบียบ ช่วยบำรุง อายุ 61 ปี แม่ของน้องกล้วย กล่าวว่า ตนเองได้โทรศัพท์ไปหานายจ้าง ตอนนี้ลูกสาวหนีไปอยู่กับฝ่ายชายด้วย ก็เท่ากับว่าเขาเป็นลูกเขยของตนแล้วในขณะนี้ ลูกสาวอาศัยอยู่ในฟาร์ม ตอนนี้ออกไปตัดหญ้าวัวกับฝ่ายชาย หลังจากรับแจ้งว่าลูกสาวปลอดภัยดีตนก็ดีใจ แต่ก็ยังนอนไม่หลับ เพราะคิดถึง เป็นห่วงสภาพความเป็นอยู่ว่าจะอยู่กันได้หรือไม่
ที่ผ่านมาลูกสาวอยู่ที่บ้านกับตนเองแม้ฐานะไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้อดอยาก มีแม่คอยดูแล ส่วนตัวเชื่อว่าไปกับคู่หมั้นเท่านั้น แต่เมื่อไปสอบถามกับแม่ของฝ่ายชายก็บอกว่า ลูกสาวตนไม่ได้ไปกับลูกชายเขา และแม่ของฝ่ายชายได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับลูกชายให้ และเปิดเสียงลำโพงให้ได้ยินด้วย ได้รับคำตอบว่าไม่ได้เอาตัวไป
ตนนอนร้องไห้ทุกคืน เข้าใจว่าฝ่ายชายส่งลูกสาวของตนเองต่อไปให้คนอื่น ทำให้ทุกข์ทรมานด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งเรื่องมาร้องต่อผู้สื่อข่าว ซึ่งสิ่งที่ตนเองไม่พอใจอย่างมาก คือ ทำไมแม่ของฝ่ายชายจะต้องปิดบังตนเองด้วย เพราะควรจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกันว่าเป็นห่วงลูกขนาดไหน กินไมได้ นอนไม่หลับ และมาแปลกใจว่าทำไมลูกสาวไปบอกกับนายจ้างว่าถูกแม่ทุบตี แม่ดุด่า ส่วนตัวไม่เคยทุบตีลูกเลย แต่เรื่องดุสอนจู้จี้จุกจิกยอมรับว่ามีเพราะต้องสอนให้ลูกรับผิดชอบเป็นปกติ
คลิป
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34