สาวใช้ความรู้ที่เคยอบรม ปั๊มหัวใจเด็กจมน้ำจนรอดชีวิต

สาวใช้ความรู้ที่เคยอบรม ปั๊มหัวใจเด็กจมน้ำจนรอดชีวิต

วันที่ 15 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า โลกออนไลน์ มีการโพสต์แชร์คลิปบนโลกออนไลน์ ขณะที่หญิงคนหนึ่งกำลังทำซีพีอาร์ หรือปั๊มหัวใจช่วยชีวิตเด็กชายที่จมน้ำหมดสติจนฟื้นและรอดตายได้ราวกับปาฏิหาริย์ โดยผู้โพสต์ระบุว่า

วันนี้พาคุณน้ามาฝึกขับรถ ได้ช่วยเด็กจมน้ำถือว่าโชคดีมากที่เราขับรถมาเจอพอดี ได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ปลอดภัยแล้วนะหนู น้องต้า บ้านโคกสูง ขอขอบคุณวิชาเรียนช่วยเหลือชีวิตมนุษย์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นของคุณน้าจากนอร์เวย์ และขอบคุณช่างก่อสร้างที่ช่วยเอาน้องขึ้นจากน้ำนะคะ ขอให้บุญกุศลในครั้งนี้ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงออกจากชีวิตลูกๆ สาธุ ซึ่งก็ได้มีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นและชื่นชมหญิงคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

จากการสอบถามผู้โพสต์ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ที่สระน้ำข้างสนามกีฬาโรงเรียนมิตรภาพโนนสมบูรณ์ ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตามหาหญิงฮีโร่คนดังกล่าว คือ น.ส.สมมาตร นิมิตร อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 หมู่ 6 ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนั่งอยู่กับหลานสาวคนที่ถ่ายคลิปแล้วนำเรื่องราวมาโพสต์ในโซเชียล โดย น.ส.สมมาตร ได้เล่าว่า ปัจจุบันตนทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ประเทศนอร์เวย์ ช่วงนี้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ อ.หนองกี่ ก็ถือโอกาสมาสอบใบขับขี่ด้วย เมื่อวานวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุก็ให้หลานพาไปหัดขับรถที่สนามของโรงเรียน ขณะกำลังขับวนสนามรอบที่ 3 ก็เห็นช่างที่ทำงานก่อสร้างอยู่ในโรงเรียนวิ่งไปที่สระน้ำ ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอหลานสาวไปดูจึงทราบว่ามีเด็กอนุบาล อายุ 6 ขวบจมน้ำในสระข้างโรงเรียน และช่างก่อสร้างได้นำร่างน้องขึ้นมาจากน้ำ ตนจึงเข้าไปดูก็เห็นน้องนอนหมดสติหน้าเขียวปากเขียว คนที่มามุงดูก็คิดว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ตนจึงตัดสินใจใช้ประสบการณ์ความรู้ที่เคยอบรมหลักสูตรการช่วยชีวิตคนจมน้ำขณะทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งทางโรงแรมบังคับให้ฝึกอบรมทุกคนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยทำการปั๊มหัวใจหรือซีพีอาร์ ตามที่เรียนมาอยู่ประมาณ 10 นาที ก็เห็นน้องเริ่มหายใจจึงปั๊มต่อ จนน้องอาเจียนข้าวออกมา มีน้ำและโคลนไหลออกมาจากปาก ทั้งตนเองและคนที่มามุงดูต่างก็ดีใจมากเพราะไม่คิดว่าน้องจะฟื้นเพราะตอนนั้นทั้งปากและหน้าเขียวหมดแล้ว

จากนั้นจึงบอกให้ชาวบ้านโทรแจ้งรถฉุกเฉินให้มารับน้องส่งโรงพยาบาลหนองกี่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้อยากโด่งดังแต่ที่บอกให้หลานถ่ายคลิปก็กะจะเอาไปอวดหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่ประเทศนอร์เวย์ ว่าความรู้ที่ตนเองเรียนเพียง 1 ชั่วโมง ก็สามารถช่วยชีวิตคนได้จริงๆ ไม่คิดว่าพอหลานนำไปโพสต์ในโซเชียลจะมีคนเข้ามาชื่นชมมากขนาดนี้ ก็ขอบคุณทุกคน ส่วนที่มีบางคนเข้ามาคอมเมนท์ว่า ทำซีพีอาร์ไม่ถูกต้องนั้นอาจจะเป็นช่วงที่เด็กฟื้นแล้ว ตนจึงเอามือไปลูบที่บริเวณท้องของน้อง อยากให้มองถึงเจตนาในการช่วยชีวิตน้องมากกว่า และอยากฝากว่าหากใครพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้ควรจะตั้งสติและตัดสินใจปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยชีวิตคนได้

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.หนองกี่ เพื่อติดตามอาการของน้องทราบชื่อ คือ ด.ช.ธนนชัย โสดาพัฒน์ หรือน้องต้า นักเรียนชั้นอนุบาล 3 พบว่าน้องอาการปลอดภัยสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริง และทางโรงพยาบาลก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ขณะที่นางลำดวน โสดาสพัฒน์ อายุ 67 ปี ยายของน้องที่มาเฝ้าอาการของหลาน เล่าว่า วันเกิดเหตุไม่รู้ว่าหลานแอบไปเล่นน้ำมา รู้อีกทีตอนมีคนมาบอกว่าหลานจมน้ำหมดสติอยู่ที่สระในโรงเรียนจึงเดินทางไปดู ตอนแรกก็ตกใจมากคิดว่าหลานจะไม่ฟื้น แต่พอมีหญิงคนหนึ่งมาปั๊มหัวใจจนหลานฟื้นและรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ยายยังได้ยกมือไหว้ขอบคุณทั้งหญิงที่ปั๊มหัวใจและช่างก่อสร้างที่ลงไปเอาหลานขึ้นจากน้ำ เหมือนหลานตายแล้วเกิดใหม่ หลังจากนี้ก็จะดูแลหลานไม่ให้คลาดสายตาอีก

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ